ยอดสถานที่ท่องเที่ยวของนครเซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์ก
-------------------------------------------------------------------------
แผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ, แผนที่กราฟิก, แผนที่สถานที่ท่องเที่ยว
-------------------------------------------------------------------------
นครเซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์ก เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของรัสเซียรองจากกรุงมอสโก และเป็น 1 ใน 10 เมืองที่น่าท่องเที่ยวมากที่สุดของโลก คนส่วนมากเรียกขานกันว่า เมืองแห่งเวนิสเหนือ(Northern Venice) เพราะว่ารอบล้อมไปด้วยมหาสมุทรและคลองเป็นจำนวนมาก ช่วงเวลาที่คนกล่าวขานถึงมากที่สุดก็คือ พระอาทิตย์ขึ้นเที่ยงคืน (White Night) เริ่มตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคม - 20 กรกฎาคม ของทุกปี สร้างเมื่อ : 16 (27) May, 1703 ประชากร ประมาณ 5 ล้านกว่าคน รหัสโทรศัพท์ : 007 842 พื้นที่ : 1400 square kilometers
กวีเอกรัสเซีย อเลกซานเดอร์ ปุชกิ้น (พุชกิ้น) ได้ขนานนามเมืองนี้ว่า " หน้าต่างแห่งยุโรป " (Window to Europe) เพราะว่าเป็นเมืองท่าที่สามารถติดต่อกับประเทศต่างๆ ได้สะดวกขึ้น นำมาซึ่งการพัฒนาของประเทศที่เจริญยิ่งขึ้นกว่าในอดีต และยังมีการขนานนามว่า เวนิชทางตอนเหนือ (the Venice of the North)
ภูมิประเทศ : จากแผนที่โลก เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ตั้งอยู่บนเส้นร้งที่ 60 องศาเหนือ และตั้งอยู่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศรัสเซีย มีเนื้อที่เป็นของตนเองประมาณ 606 ตารางกิโลเมตร และชานเมืองโดยรอบประมาณ 1,439 ตารางกิโลเมตร ความยาวจากทิศเหนือจรดทิศใต้ 44 กิโลเมตร จากทิศตะวันตกจรดทิศตะวันออก 25 กิโลเมตร เป็นเมืองที่ประกอบด้วยเกาะ 42 เกาะ ทั้งเมืองมีสะพานมากกว่า 560 สะพาน มีทั้งคลองธรรมชาติและคลองขุด
เซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์กเป็นเมืองท่า ที่ติดกับทะเลบอลติก มีแม่น้ำสำคัญที่ไหลผ่านเมืองคือ แม่น้ำเนวา (Neva River) ซึ่งมีต้นน้ำไหลมาจากทะเลสาบบลาโดก้า ที่อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นระยะทางยาวประมาณ 74 กิโลเมตร แม่น้ำเนวา เป็นแม่น้ำที่สำคัญหล่อเลี้ยงคนทั้งเมือง สำคัญทั้งทางด้านการคมนาคมขนส่งและวิถีความเป็นอยู่ของผู้คนมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ภูมิอากาศ : ลักษณะที่ตั้งของเมืองเซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์ก เป็นเกาะ ทำให้อากาศของเมืองมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ใน 1 ปี จะมี 4 ฤดู คือ ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง ฤดูหนาว เหมือนกับประเทศอื่นๆ ในยุโรป แต่การเปลี่ยนแปลงของฤดูการอาจช้ากว่าประเทศอื่นๆ เพราะมีปัจจัยด้านกระแสลมเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
ฤดูใบไม้ผลิ (Ves noy / เวส นอย) : ช่วงระหว่าง เดือนมีนาคม - พฤษภาคม ฤดูใบไม้ผลิจะช้ากว่าที่อื่นในยุโรป เนื่องจากอากาศยังเย็นอยู่ เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ในยุโรป อากาศเริ่มอุ่นต้นเดือนเมษายน ส่วนพฤษภาคมเป็นช่วงที่ใบไม้ผลิใบใหม่หลังจากทิ้งในในฤดูใบไม้ร่วงนานมากกว่า 6 เดือน และต้นไม้บางชนิดก็ออกดอก ต่างแข่งขันกันอวดความงาม และส่งกลิ่นหอมตลบอบอวนไปทั่ว ไม่ว่าจะเป็นดอกทิวลิป ดอกกุหลาบ ดอกท้อ ดอกจัสมิน และดอกแอปเปิล อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ +9 องศาเซนเซียส
ฤดูร้อน (Le tom / เล ตั้ม) : ช่วงระหว่างเดือนมิถุนายน - สิงหาคม นครเซ้นต์ปีเตอร์สเบิร์กมีอากาศแห้ง อากาศจะเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ เดือนที่ร้อนที่สุด คือ เดือนกรกฏาคม โดยจะร้อยอยู่ประมาณ 2-3 สัปดาห์ และมีเกสรดอกไม้ของต้นท็อปป้าซึ่งเป้นต้นไม้พื้นเมืองประจำถิ่นลอยไปทั่วเมือง คล้ายดอกหญ้า ของเมืองไทย ซึ่งเป็นช่วงที่สวยที่สุดของนครเซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์ก มีเทศกาล พระอาทิตย์เที่ยงคืน (White Night) ช่วงที่แสงของพระอาทิตย์ไม่ลับขอบฟ้า เป็นปรากฎการณ์ที่แปลกตาที่สุดของธรรมชาติ ส่วนดอกไม้ที่ออกดอกในฤดูนี้คือ ต้นไลแล็ค ซึ่งมีดอกเป็นช่อ สีขาวและสีม่วง มีกลิ่นหอม คนรัสเซียนิยมตัดมาปักแจกันเพื่อเพิ่มความสวยงามในบ้านพัก อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ +30 องศาเซ็นเซียส
ฤดูใบไม้ร่วง (Os Sen You / โอ ซิน ยู่ ) ช่วงระหว่างเดือนกันยายน - พฤศจิกายน ที่นี่จะหนาวเร็วขึ้น และเย็นขึ้นเรื่อยๆ ใบไม้เปลี่ยนสีอย่างรวดเร็ว ทั้งแดง เหลือง และน้ำตาลสลับกันไป ให้บรรยากาศที่งามสงบมาก พอถึงช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนต้นไม้ที่ผลัดใบก็เหลือแต่ก้าน ส่วนต้นไม้ที่ไม่ผลัดใบก็มีใบสีเขียวอยู่ ในบางปีช่วงปลายเดือนตุลาคม หิมะก็เริ่มตกแล้ว (15 ตุลาคม ของทุกปี จะมีพิธีฉลองรับหิมะแรกตกของเมือง โบสถ์มีการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เป็นการต้อนรับฤดูหนาวที่กำลังจะมาเยือน) อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ +5 องศาเซ็นเซียส
ฤดูหนาว (Zi moy / ซิม มอย) ช่วงระหว่างเดือนธันวาคม - กุมภาพันธ์ ช่วงที่หนาวที่สุดคือปลายเดือนมกราคม กระทั่งต้นเดือนกุมภาพันธ์ อากาศหนาวเย็นจนบางปีอุณหภูมิต่ำมากถึง -40 องศาเซ็นเซียส คนรัสเซียจะไม่นิยมออกจากบ้านเพราะค่อนข้างอันตราย โดยระยะนี้นักเรียนก็ไม่ต้องไปโรงเรียนด้วย ผู้คนพากันอยู่แต่บริเวณบ้านของตน คอยรับฟังข่าวสารจากสื่อต่างๆ ทั้งเมืองปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ -10 องศาเซ็นเซียส
Highlights :
1. ป้อมปีเตอร์แอนด์ปอล (Peter and Paul Fortress)
เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1712 แล้วเสร็จเมื่อปี ค.ศ. 1733 สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าปีเตอร์มหาราช เป็นสถาปัตยกรรมแบบบาโรก ออกแบบโดยสถาปนิกชาวอิตาเลียน Domenico Andrea Trezzini เพื่อเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ตั้งชื่อโบสถ์ตามชื่อนักบุญ 2 องค์ ผู้ทำหน้าที่เผยแพร่ศาสนาคือ นักบุญปีเตอร์และนักบุญปอล ซึ่งประชาชนนับถือเป็นอย่างมาก ความสูงของยอดโบสถ์ 122.5 เมตร หลังจากการสวรรคตของพระเจ้าปีเตอร์มหาราช ตัวโบสถ์ได้เปลี่ยนเป็นที่เก็บพระศพของพระองค์และองค์ต่อๆ มา รวมทั้งพระเจ้าซาร์นิโลลัสที่ 2 ซึ่งเป็นพระเจ้าซาร์องค์สุดท้ายแห่งราชวงค์โรมานอฟ และครอบครัว ซึ่งเพิ่งอัญเชิญพระศพมาไว้เมื่อปี ค.ศ. 1998 ประกอบด้วยพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 พระนางอะเล็กซานดร้า พระธิดา 3 พระองค์ คือ โอลก้า ทาเทียน่า อนาสตาเซีย ส่วนที่ไม่พบคือ พระธิดามาเรีย และพระโอรสอเล็กซิส สถานที่ตั้ง ใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน Gorkovskaya เปิดทำการเวลา 10.00-17.00 น. วันอังคารเปิดถึง 16.00 น. ปิดทุกวันพุธและวันอังคารสุดท้ายของเดือน
2. ตึกบัญชาการฐานทัพเรือ (Admiralty)
เป็นอาคารเก่าแก่ที่สุดของนครเซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์ก สร้างในสมัยพระเจ้าปรเตอร์มหาราช ที่ประสงค์ให้ประเทศเป็นศูนย์กลางการควบคุมทางทะเล สถาปนิกคือ Andreyan Dmitrievich Zakharov ออกแบบเป็นอาคารทรงสูง ยอดแหลม มีความสูง 72.5 เมตร เป็นสิ่งปลูกสร้างที่สูงที่สุดของเมือง บนยอดมีการติดตั้งรูปเรือโบราณเป็นสัญญลักษณ์ของเมืองอาคารหลังนี้เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นความเป็นมหาอำนาจทางทะเลในรัชสมัยของพระเจ้าปีเตอร์มหาราช ด้านหลังของอาคารมีสวนสาธารณะที่ออกแบบโดย พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 2 มีสวนหย่อมและน้ำพุ ใช้สำหรับพักผ่อน สวนแห่งนี้เรียกชื่อว่า " สวนอเล็กซานเดอร์ " ซึ่งเป็นพระนามของพระองค์ สถานที่ตั้งติดแม่น้ำเนวา บนถนนเนฟสกี้ ใกล้กับพระราชวังฤดูหนาว ใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน Nevsky Prospekt เปิดให้ชมฟรีทุกวัน
3. Alexander Nevsky Lavra 4. เรือรบหลวงออโรร่า (Cruiser Aurora)
เป็นเรือประวัติศาสตร์ ที่ร่วมรบกับรัสเซียมาแล้วหลายครั้ง เช่น ปี ค.ศ. 1904-1905 สงครามระหว่างรัสเซียกับญี่ปุ่น รวมทั้งการปฏิวัติการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบบซาร์มาเป็นระบอบคอมมิวนิสต์ในปี ค.ศ. 1917 และสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี ค.ศ. 1941-1945 ภายในเรือประกอบด้วย 2 ชั้น ชั้นแรกจัดแสดงภาพของเรือ ภูมิประเทศของเมืองโดยรอบ ในช่วงศตวรรษที่ 20 ธงโบราณของรัสเซีย ส่วนชั้นล่างเป็นห้องโถงแสดง ชีวิตความเป็นอยู่ของทหารเรือ เมนูอาหารการกิน ที่นอน ภาพการทำสงครามต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรือลำนี้ เครื่องบรรณาการจากมิตรภาพต่างแดน รวมทั้งของประเทศไทย ซึ่งได้แก่ตราอักษรย่อ มก. ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมงกุฏราชกุมาร สถานที่ตั้ง Petrogradskaya Neberezhnaya ใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน Gorkovskaya เปิดทำการ 11.00-16.00 น. ปิดทุกวันจันทร์และวันศุกร์ www.aurora.org.ru www.russianmuseums.info/M154
5. วิหารเซ็นไอแซค (St. Isaac's Cathedral)
เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1818 แล้วเสร็จเมื่อปี ค.ศ. 1858 เป็นหนึ่งในมหาวิหารที่สวยที่สุดของรัสเซีย สร้างในสมัยพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 1 ออกแบบโดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศส Auguste de Montferrand ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 40 ปี ประกอบด้วยเสาหินแกรนิต 48 ต้น น้ำหนักต้นละ 114 ตัน ถายในประดับประดาด้วยปฏิมากรรมบอร์น และภาพวาดกว่า 400 ชิ้น สถานที่ตั้ง เลขที่ 1 Isaakievkaya Ploshchad ใกล้สถานีใต้ดิน Gostiny Dvor และ Nevsky Prospekt เปิดเวลา 11.00-18.00 น. ปิดทุกวันพุธ http://eng.cathedral.ru/isaac
6. โบสถ์แห่งหยดเลือด (Church of Christ's Resurrection)
เริ่มก่อสร้างเมื่อ ปี ค.ศ. 1883 แล้วเสร็จเมื่อปี ค.ศ. 1907 เป็นอนุสรณ์ที่พระเจ้าอเล้กซานเดอร์ที่ 3 สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงพระบิดาพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 2 ผู้ปลดปล่อยชาวนา ซึ่งถูกลอบปลงพระซนม์บริเวณนี้ ในปี ค.ศ. 1881 สร้างด้วยรูปแบบศิลปะยุคฟื้นฟู เลียนแบบโบสถ์โบราณในคริสตศวรรษที่ 12 ของกรุงมอสโก ถายในตกแต่งวิจิตรบรรจงด้วย ฝีมือจิตกรกว่า 30 คน ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โบสถ์ได้รับความเสียหายจากระเบิด หลังสิ้นสุดสงครามจึงได้มีการบูรณะใหม่ สถานที่ตั้ง 2a Griboedova Kanala Naberezhnaya ใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน Gostiny Dvor และ Nevskt Prospekt เปิดทำการ 11.00-18.00 น. ปิดทุกวันพุธ
7. โบสถ์คาซาน (Kazan Cathedral)
เริ่มก่อสร้างเมื่อปี ค.ศ. 1801 แล้วเสร็จเมื่อปี ค.ศ. 1811 ออกแบบโดยสถาปนิก Andrey Nikoforovich Voronikhin เดิมเป็นมหาวิหารที่ก่อสร้างขึ้นสมัยพระเจ้าปีเตอร์มหาราช ในปี ค.ศ. 1708 ต่อมามีการบูรณะใหม่ในปี ค.ศ. 1801 สมัยของพระเจ้าปอลที่ 1 สถาปัตยกรรมในรูปแบบของนีโอ คลาสิค เป็นลักษณะรูปทรงครึ่งวงกลม มีเสาหินคอรินเธียน สมัยกรีก โรมัน ขนาดมหึมาเรียงรายอยู่ด้านหน้า โบสถ์แห่งนี้มีรูปไอคอนพระแม่มารี (Lady of Kazan ล่ำลือกันว่า ก่อนออกรบกับตาตาร์ ได้ทำการสักการะพระรูปนี้ ทำให้ชนะศึกขับไล่ชาวตาตาร์ออกไปได้) วาดขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 16 ด้านนอกมีรูปปั้นของผู้นำกองทัพเรือ ผู้ทำสงครามกับฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1812 (สมัยนโปเลียนบุกรัสเซีย) คือ นายพลมิคาอิล คูตูซอฟ และนายพลบาร์เคลย์ เดอ ทอลลี่ คูตูซอฟ ซึ่งออกแบบโดย Boris Ivanovich Orlovsky สถานที่ตั้ง เลขที่ 2 Kazanskaya Ploshchad ใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน Gostiny Dvor และ Nevsky Prospekt เปิดให้ชมฟรีทุกวัน
8. อนุสาวรีย์พระเจ้าปีเตอร์มหาราช (Bronze Horseman)
อนุสาวรีย์แห่งแรกของนครเซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์ก
ก่อสร้างเป็นอนุสาวรีย์ของพระเจ้าปีเตอร์มหาราช ผู้เป็นกษัตริย์พระองค์แรกที่ได้ขนานนามว่า
มหาราช ออกแบบโดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศส Entienne Maurice Falconet ตามพระบัญชาของพระนางแคทเธอรีนมหาราช
ภายหลังจากการขยายดินแดนของประเทศไปจรดทะเลดำสำเร็จตามพระประสงค์ของพระเจ้าปีเตอร์มหาราช
โดยมีการสลักพระนามไว้ที่ฐานของหินแกรนิตด้วย ที่นี่เป็นจุดชมทัศนียภาพของเมือง เช่น
วิวของแม่น้ำเนวา ด้านหน้าของโบสถ์เซ็นต์ไอแซค ตึกบัญชาการกองทัพเรือ และอาคารเถระสมาคม
สถานที่ตั้ง ติดกับแม่น้ำเนวา ด้านหน้าของโบสถ์เซ็นไอแซค
ใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน Gostiny Dvor และ Nevsky Prospekt เปิดให้ชมฟรีทุกวัน
9. ถนนเนฟสกี้ (Nevsky Prospect)
ถนนเนฟสกี้ เป็นถนนสายหลักของนครเซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์ก เป็นเสมือนหนึ่งหัวใจของเมืองเลยก็ว่าได้ สวยที่สุดของเมือง รายล้อมด้วยพระราชวัง สำนักงานต่างๆ ห้างสรรพสินค้า โรงแรมและสวนสาธารณะ ความยาวของถนนประมาณ 4.5 กิโลเมตร เริ่มต้นที่ลานกว้างของฤดูหนาวไปจนสุดถนนเนฟสกี้ และเชื่อมกับถนนอีกสายคือ ถนนอเล้กซานเดอร์ เนฟสกี้ ความสวยงามของถนนเส้นนี้เริ่มปรากฏออกมาตั้งแต้ปี ค.ศ. 19 ออกแบบโดยสถาปนิกชาวรัสเซียและชาวต่างชาติ ที่เนรมิตถนนสายนี้ให้มีรูปแบบศิลปะฝรั่งเศสผสมอิตาลี สีของอาคารเป็นสีอบอุ่นหลากหลายสี สวยงามมากและเป็นถนนที่สะดวกสบายเส้นหนึ่งของยุโรป
10. วังยูซูปอฟ (Yusupov Palace)
พิพิธภัณฑ์วังยูซูปอฟ เคยเป็นที่ประทับของเจ้าชายเฟลิกซ์
ยูซูปอฟที่ 2 ผู้ที่อาจกล่าวได้ว่าร่ำรวย หรืออาจร่ำรวยกว่าพระเจ้าซาร์ โดยวังแห่งนี้ออกแบบโดย
Vallen de la Mothe และ Andrei Mikhailov ด้วยสถาปัตยกรรมแบบEccentric แต่สิ่งที่ทำให้วังนี้น่าสนใจคือ
สถานที่แห่งนี้เป็นที่ใช้วางแผนและสังหารรัสปุติน นักบวชผู้ที่มีอิทธิพลครอบงำราชสำนัก
สมัยพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 แห่งราชวงศ์โรมานอฟ เจ้าชายเฟลิกซ์ ได้ร่วมกับขุนนางบางคนในราชสำนักดำเนินแผนการสังหาร
โดยเชิญรัสปูตินมาร่วมงานเลี้ยงฉลองที่วังของพระองค์ แต่แม้จะโดนยาพิษและยิงด้วยกระสุน
แต่รัสปูตินก็ยังมีแรงสู้ จนสุดท้ายร่วงหล่นลงไปตายในแม่น้ำมอยก้าอันเย็นยะเยือก
เมื่อปี ค.ศ. 1916 เปิดให้บริการทุกวัน ปิดทุกวันพุธแรกของเดือนตุลาคมและเมษายน
http://yusupov-palace.ru/index_en.htm
11. โบสถ์สมอลนี (Smolny Cathredral)
สร้างเมื่อปี ค.ศ. 1748 แล้วเสร็จเมื่อปีค.ศ.
1764 แต่เดิมเป็นสำนักแม่ชี ก่อสร้างสมัยพระนางอลิซาเบธ เป็นสถาปัตยกรรมแบบบาโรก
ออกแบบโดยสถาปนิกชาวอิตาเลี่ยน Bartoloeo Francesco Rastrelli บริเวณโดยรอบประกอบด้วยสวนและอาคารต่างๆ
ที่ก่อสร้างขึ้นในสมัยของพระนางแคทเธอรีนมหาราช เพื่อเป็นสถานที่ฝึกอบรมสตรีชั้นสูง
เกี่ยวกับการใช้ชีวิตในราชสำนักและชีวิตประจำวัน ปัจจุบันอาคารเหล่านี้ เป็นส่วนหนึ่งของภาควิชาศิลปศาสตร์
มหาวิทยาลัยเซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์ก สถานที่ตั้ง 3/1 Rastrelli Ploschad ใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน
Chemyshevskaya เปิดทำการ 11.00-18.00 น. ปิดทุกวันพฤหัสบดี http://eng.cathedral.ru/smolny
12. พิพิธภัณฑ์เฮอร์มิเทจและพระราชวังฤดูหนาว (Hermitage and Winter Palace)
แต่เดิมนั้นเฮอร์มิเทจนั้น เป็นชื่อเรียกสมบัติล้ำค่าของพระราชินีแคทเธอรีนที่ได้เก็บรวบรวมและชื้อภาพเขียนชื่อดังจากยุโรปกว่า 200 ภาพ จึงต้องสร้างห้องสำหรับเก็บภาพและสมบัติล้ำค่าส่วนพระองค์และสมบัติของพระเจ้าปีเตอร์มหาราชขึ้น โดยมีน้อยคนนักที่จะได้เห็นคอลเล็คชั่นอันประเมินค่ามิได้เหล่านี้ โดยพระองค์ทรงเคยกล่าวไว้ในจดหมายฉบับหนึ่งว่า " มีแค่หนูกับฉันเท่านั้นที่สามารถชื่นชมผลงานเหล่านี้ได้ " เมื่อพระนางสวรรคตก็มีสมบัติสะสมมากมาย โดยเฉพาะภาพเขียนที่ทรงโปรดปราณมากกว่า 3,000 ภาพ เหรียญโบราณ อัญมณีอันล้ำค่า จนถึงสมัยพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 1 มีการจัดหมวดหมู่ของสะสมทั้งหมด และเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมในปี ค.ศ. 1852
ภายหลังการปฏิวัติในปี ค.ศ. 1917 พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ก็กลายเป็นของรัฐบาลโซเวียต โดยทางรัฐบาลได้ขยายคอลเลคชั่นงานศิลปะและสมบัติล้ำค่า ของพิพิธภัณฑ์ออกไปอีก โดยการนำภาพเขียนและสมบัติล้ำค่าส่วนพระองค์ มาจากพระราชวังอื่นๆ เช่น พระราชวังแคทเธอรีน พระราชวังอเล็กซานดริสกี้ พระราชวังสโตรกานอฟสกี้ และพระราชวังยูซูปอฟสกี้ มารวบรวมเอาไว้ที่เฮอร์มิเทจ
เฮอร์มิเทจประกอบด้วยอาคาร 5 หลัง ซึ่งเป็นการสร้างเชื่อมต่อกัน คือ
พระราชวังฤดูหนาว (Winter Palace) อาคารเล็ก (Small Hermitage) อาคารเก่า (Old Hermitage) อาคารใหม่ (New Hermitage) อาคารโรงหนัง (Hermitage Theatre) ตั้งอยู่เลขที่ 34 Dvortsovaya Naberezhnaya ใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน Nevsky Prospekt เปิดทำการเวลา 10.30-18.00 น. วันอาทิตย์เปิดถึง 17.00 น. www.hermitage.ru www.hermitagemuseum.org
13. พระราชวังฤดูร้อน (Peterhof)
พระราชวังฤดูร้อน วังเปโตร ดวาเรียส
หลังจากทรุดโทรมไปในช่วงสงครามโลกที่ 2 สมัยเยอรมันยึดครอง ก็ได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่จนเกือบสมบูรณ์แบบ
เปโตร ดวาเรียส (ปีเตอร์ฮอฟ) พระราชวังฤดูร้อนของพระเจ้าปีเตอร์มหาราช ตั้งอยู่อ่าวฟินแลนด์
ห่างจากตัวเมืองไปทางตะวันตก 29 กิโลเมตร โดดเด่นเป็นพิเศษ คือ น้ำพุอลังการ
(ปิดในฤดูหนาว) เดิมทีพระเจ้าปีเตอร์มหาราช สร้างวังนี้ในปี 1720 ตามแบบเรียบง่ายของสถาปนิก
ฌอง บัฟติสต์ เลอบลองด์ ที่เห็นวิจิตรโอ่อ่าในขณะนี้เป็นการตกแต่งเพิ่มเติมโดยซาลีน่าอลิธซาเบธ
ร่องรอยสไตล์บาร็อกเดิมอันงดงามของพระเจ้าปีเตอร์และเลอบลองด์ยังคงมีให้เห็น
ปีเตอร์ฮอฟ สร้างอยู่บนทำเลงามบนเนินธรรมชาติดุจดัง แวร์ซายส์ริมทะเล การสร้างน้ำพุซับซ้อนบนเนินดินเลนชื้นแฉะเป็นเรื่องที่ยากมากในสมัยนั้น
ด้านหน้าของพระตำหนักคือ สวนน้ำซึ่งมีปันใดน้ำตกใหญ่เป็นส่วนที่เด่นที่สุด
พร้อมรูปปั้นแซมซันฉีกปากสิงโตด้วยมือเปล่า เปิดทำการ 10.30 - 17.00 น. ปิดทุกวันจันทร์และวันอังคารสุดท้ายของเดือน
14. หมู่บ้านปุชกิ้น, ซากอยเซโล, พระราชวังแคทเธอรีน (Pushkin, Sarskoe selo, Cattherine Palace)
พระราชวังแคทเธอรีน หรือ ซาร์สโกเย เซโล
เป็นภาษรัสเซีย หมายถึงหมู่บ้านของพระเจ้าซาร์ สร้างในสมัยพระเจ้าปีเตอร์มหาราช
เป็นวังหลวงที่สวยงาม มีสวนร่มรื่น ทะเลสาบ ประฏิมากรรมประดับสวยงาม ในปีค.ศ.
1708-1724 เป็นที่พักผ่อนในฤดูร้อน ของพระมเหสีองค์โปรด คือ พระนางแคทเธอรีนที่
1 ต่อมาได้ยกให้พระธิดาอลิธซาเบธ ได้มีการตกแต่งให้หรูหราและทันสมัยมากยิ่งขึ้นในปี
ค.ศ. 1741 ความโดดเด่นของพระราชวังแห่งนี้คือ ใช้เป็นที่ประทับฤดูร้อนของซาร์ต่อมาเรื่อยๆ
จนกระทั่งถึงซาร์องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์โรมานอฟ ก็พำนักที่พระราชวังแห่งนี้ก่อนถูกจับเป็นตัวประกันโดยพรรคบอลเซวิก
และห้องอัมพันที่สวยงามและล้ำค่าหาที่อื่นเสมอเหมือนไม่ได้ เปิด 10.00 -
17.00 น. ปิดทุกวันอังคารและวันจันทร์สุดท้ายของเดือน
15. ห้องอัมพัน (Amber Room)
ห้องอัมพัน เป็นส่วนหนึ่งของพระราชวังแคทเธอรีน ในช่วงสงครามโลกที่ 2 ได้หายไป ห้องอำพันเป็นสุดยอดงานศิลป์ยุคศตวรรษที่ 18 อันประมาณค่ามิได้ที่ช่างเยอรมันสร้างให้แก่ปราสาทของกษัติฟรีดริชที่ 1 แห่งปรัสเซียในเขตชาร์ลอทเทนบูร์กในเบอร์ลินต้นทศวรรษที่ 1700 โอรสของพระองค์ประทานให้แด่พระเจ้าปีเตอร์มหาราช ในปี 1716 และถูกนำมาสร้างในพระราชวังแคทเธอรีน ณ เมืองปุชกิน ในปี 1754 ประกอบด้วยแผ่นไม้โอ๊กขนาดใหญ่หกชิ้นเนื้อที่ 100 ตารางเมตร ประดับอำพัน 6 ต้น พร้อมกระจกผนังและโมเสกอัญมณี มีค่าจากอิตาลี ว่ากันว่าสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี 1941 ทหารเยอรมันได้เคลื่อนย้ายห้องนี้ไปยังเมืองเคอนิกสแบร์ก ปัจจุบันคือเมืองคาลีนินกราดของรัสเซีย และไม่มีผู้พบเห็นอีกเลย นับตั้งแต่ปี 1945 เป็นต้นมา ห้องอำพันถูกสร้างขึ้นใหม่ ณ พระราชวังแคทเธอรีนในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาโดยช่างรัสเซียด้วยเงินทุนจากบริษัทก๊าซธรรมชาติยักษ์ใหญ่ของเยอรมันนี จนแล้วเสร็จในปี 2003 ปัจจุบันราคาประเมินคร่าวๆ มากกว่า 142 ล้านดอลลาห์
16. ปราสาทมิคาอิลโลฟสกี้ ( Mikhailovsky Castle)
ปราสาท Mikhailovsky ถูกสร้างขึ้นโดยพระเจ้าปอลที่
1 พระองค์เป็นผู้ออกแบบปราสาทเอง โดยมีเหล่าอาจารย์คอยชี้แนะ สถาปนิกคือ
Vasily Bazhenov ภายในของปราสาทตกแต่งสวยงามและทันสมัยมากในสมัยนั้น ภาพจิตรกรรมภายในวาดโดย
จิตรกรชาวอิตาลี รูปปั้นโลหะและโคมแขวนต่างๆ ออกแบบโดย จิตรกรชาวฝรั่งเศส
และเหล่าจิตรกรผู้มีชื่อเสียงมากมายในสมัยนั้น จุดเด่นและทำให้สถานที่นี่มีชื่อเสียง
คือ เป็นที่ๆ พระเจ้าปอลที่ 1 ทรงโปรดปรานเป็นพิเศษ พระองค์ทรงย้ายที่ประทับจากพระราชวังฤดูหนาวมายังที่แห่งนี้
แต่พระองค์ก็โชคร้ายเสวยราชสมบัติได้ไม่นานการถูกพวกคณะปฏิวัติที่จงรักภักดีต่อพระนางแคทเธอรีนมหาราช
ทำการปฏิวัติรัฐประหารและส่งมอบบัลลังค์ให้แก่ชายเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 1
พระโอรสองค์โตของพระองค์เอง ซึ่งพระนางแคทเธอรีนทรงโปรดปรานและเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนมา
และปราสาทแห่งนี้เป็นที่ๆ พระองค์เสด็จสวรรคตอีกด้วย (ว่ากันว่า พระองค์ถูกเค้นคอให้ตาย
เหมือนพระชนก คือ พระเจ้าปีเตอร์ที่ 3)
17. พิพิธภัณฑ์แห่งชาติรัสเซีย (State Russian Museum)
พิพิธภัณฑ์แห่งชาติของรัสเซีย ที่เซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์ก
สร้างระหว่างปี ค.ศ. 1819-1825 โดย Grand Duke Mikhail Pavlovich ใช้เป็นที่รวบรวมงานศิลปะของรัสเซีย
ภาพประดับต่างๆ สมัยศตวรรษที่ 17 อีกทั้งงานศิลปต่างของจิตกรสมัยรัสเซียและโซเวียต
พิพิธภัณฑ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของปราสาท Mikhailovsky
18. Peter the Great Museum of Anthropology and Ethnography (Kunstkammer) พิพิธภัณฑ์มนุษยวิทยาและชาติพันธ์วิทยาของพระเจ้าปีเตอร์มหาราช (อยากรู้อยากเห็น)
เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่ที่สุดของรัสเซีย
สร้างขึ้นในปีค.ศ. 1704 โดยพระเจ้าปีเตอร์มหาราช เพื่อเป็นวิทยาลัยเพื่อการศึกษาทางวิทยาศาสตร์
ปัจจุบันมีงานแสดงมากกว่าล้านชิ้น เกี่ยวกับความเป็นอยู่ของชาติพันธ์ต่างๆ
ทั่วโลก หลายๆ ชิ้นมีอยู่ที่นี่แห่งเดียวในโลก งานแสดงแบ่งออกเป็น 2 ชนิด
คือ งานแสดงชั่วคราวและงานแสดงถาวร งานแสดงแบ่งออกเป็นชั้นๆ ดังนี้ ชั้นล่างเป็นร้านค้าต่างๆ
ของพิพิธภัณฑ์ ชั้น 1 แสดงงาน อเมริกาเหนือ ลุ่มน้ำอเมซอน ญี่ปุ่น อัฟริกา
ชั้น 2 แสดงงาน ส่วนตะวันออกและส่วนกลางของเอเซีย จีน มองโกเลีย เกาหลี อินโดไชน่า
อินเดีย อินโดนีเซีย ชั้น 3 แสดง Mikhail Lomonosov and the Academy of Sciences
in the 18th century และ Temporary Exhibition ชั้น 4 แสดง First Astronomical
observatory of the Academy of Sciences และชั้น 5 แสดงแผนที่และลูกโลกสมัยโบราณ
เปิดเวลา 11.00 - 16.00 น. ปิดทุกวันจันทร์และวันพุธสุดท้ายของเดือน
19. พิพิธภัณฑ์ทางธรรมชาติวิทยา (Zoological Museum)
พิพิธภัณฑ์สัตว์แห่งแรกของประเทศรัสเซียและมีขนาดใหญ่ที่สุด
สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1714 สมัยพระเจ้าปีเตอร์มหาราช พระองค์ทรงสนพระทัยในการศึกษาธรรมชาติวิทยา
จึงทรงสะสมมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1699 ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่พระองค์ทรงเสด็จประพาส
ทำการเปิดให้ประชาชนได้เข้าชมปี ค.ศ. 1838 ปัจจุบันมีสัตว์สตัพฟ์เก็บสะสมไว้จำนวนมาก
เช่น นก ปลา และแมลงมากกว่า 50 ล้านชนิด จากทั่วทุกทวีป อีกทั้งยังมีช้างแมมมอธที่มีสภาพสมบูรณ์ที่สุด
จัดแสดงให้ได้ชมกันอีกด้วย เปิดเวลา 11.00 - 21.00 น. ปิดทุกวันศุกร์
20. โรงละครมารีอินสกี้
(Mariinsky Opera and Ballet Theatre)
เป็นโรงละครที่มีขนาดใหญ่ ยิ่งใหญ่
เก่าแก่ อีกทั้งยังมีชื่อเสียงมากที่สุดของเมือง สร้างในปี 1783 แล้วเสร็จปี
1859 ออกแบบโดย Albert Katarrinovich Cavos ชื่อโรงละครได้มาจากพระนามของพระมเหสีของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่
2 ซึ่งพระองค์ทรงโปรดปรานงานละครโดยเฉพาะบัลเลย์ แผนกจองตั๋วเปิด 11.00 -
19.00 น. เปิดแสดง 18.30 น. ราคาตั๋วแตกต่างกันตามที่นั่ง
www.mariinsky.ru
21. รถไฟใต้ดิน เซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์ก (St. Petersburg Metro)
รถไฟใต้ดินเซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์ก
อาจจะไม่ยิ่งใหญ่เท่าที่กรุงมอสโก แต่ก็สวยงามไม่แพ้กัน การเดินทางส่วนใหญ่จะอาศัยรถไฟใต้ดินป็นหลัก
หากเราอยากเห็นชีวิตรัสเซียแล้วละก็ลองแวะลงไปใต้ภิภพดู เราจะเห็นเวลาแห่งการเร่งรีบ
ดูวุ่นวายพอดู ต่างคนต่างรีบเร่ง ผิดจากบนดินที่ดูแล้วไม่วุ่นวายพลุ่งพล่านเท่า
อาร์เมเนีย (Armenia)
อาร์เซอร์ไบจาน (Azerbaijan)
เบลารุส (Belarus)
จอร์เจีย (Georgia)
คาซัคสถาน (Kazakhstan)
คีร์กิซสถาน (Kyrgyzstan)
มอลโดวา (Moldova)
รัสเซีย (Russia)
ทาจิกิสถาน (Tajikistan)
เติร์กเมนิสถาน (Turkmenistan)
ยูเครน (Ukraine)
อุซเบกิสถาน (Uzbekistan)
