วาทะข้างต้นนี้เป็นของคาร์ล มาร์กซ นักทฤษฎีการปฏิวัติผู้ยิ่งใหญ่ เขาเป็นแหล่งที่มาแห่งความคิดที่ทรงอิทธิพล ซึ่งความคิดดังกล่าวดลบันดาลให้เกิดการปฏิวัติ

        คาร์ล เฮนริคซ์ มาร์กซ์ เกิดเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม ค.ศ.1818 ที่เมืองทรัพส์ ประเทศเยอรมัน บิดามารดาเป็นชาวยิว-เยอรมัน มาร์กซ์จบการศึกษาได้ปริญญาตรีทางกฎหมายจากมหาวิทยาลัยเบอร์ลิน ปริญญาโทและเองจากมหาวิทยาลัยเจนา เขาทำงานเป็นนักหนังสือพิมพ์ในเมืองโคโลญจน์ ประเทศเยอรมัน แต่บทความที่ปลุกเร้าให้ชนชั้นกรรมาชีพลุกขึ้นต่อต้านนายทุนที่กดขี่ขูดรีดของเขาทำให้หนังสือพิมพ์ถูกปิด เขาจึงอพยพไปอยู่ปารีส ในปี ค.ศ.1842

        มาร์กซ์ทำงานหนังสือพิมพ์อีก และเขียนบทความเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศเยอรมัน จนถูกเนรเทศออกจากฝรั่งเศสไปอยู่เบลเยี่ยม และได้เพื่อนร่วมอุดมการณ์ ซึ่งรู้จักกันในประเทศฝรั่งเศส คือ เฟรดริคซ์ เองเกลส์ ซึ่งมาร์กซ์และเองเกลส์ได้เป็นผู้ร่วมกันร่างถ้อยแถลงคอมมิวนิสต์

        มาร์กซ์ได้ชี้นำโครงการการดำเนินนโยบายต่างๆ ที่รัฐเผด็จการของชนชั้นกรรมาชีพต้องปฏิบัติ คือ
        1. ยกเลิกกรรมสิทธิ์ที่ดินและวิธีให้เช่า
        2. โอนทรัพย์สินของผู้อพยพ หรือกบฎมาเป็นของรัฐ
        3. รัฐควบคุมและผูกขาดการให้สินเชื่อต่างๆ
        4. รัฐควบคุมและเป็นเจ้าของกิจการคมนาคมทั้งหมด
        5. ล้มเลิกสิทธิ์ในการรับมรดก
        6. บังคับทุกคนให้ทำงาน
        7. กำจัดการใช้แรงงานผู้เยาว์ และรัฐเป็นผู้ให้สวัสดิการการศึกษาโดยเน้นอุตสาหกรรมการผลิต
        8. รัฐควบคุมการผลิตและการปรับปรุงทางการเกษตร
        9. เก็บภาษีตามระบบก้าวหน้า

        มาร์กซ์ได้เขียนหนังสือไว้หลายเล่มด้วยกัน คือ "คำประกาศแห่งคอมมิวนิสต์", "อุดมการณ์เยอรมัน" และ "ส่วนเสริมเกี่ยวกับการวิจารณ์ว่าด้วยเศรษฐกิจและการเมือง" สังคมคอมมิวนิสต์ในทรรศนะของมาร์กซ์มีว่า คนทุกคนเป็นพลเมืองของโลกเหมือนกันหมด ไม่มีรัฐชาติอีกต่อไป ทุกคนจะมีเสรีภาพอย่างแท้จริง

        คาร์ล มาร์กซ์ ได้รับการยอมรับว่าเป็นปราชญ์ทางการเมืองที่สำคัญของโลกผู้หนึ่ง หลักการต่างๆ จากความคิดของเขามีอิทธิพลต่อบรรดาผู้นำของประเทศมหาอำนาจต่างๆ เช่น โซเวียต และจีน ลัทธิคอมมิวนิสต์ อันเป็นอุดมการณ์ทางการเมืองที่มีบทบาทสำคัญนั้นก็คือลัทธิที่วิวัฒนาการมาจากลัทธิมาร์กซ์นั่นเอง

        คาร์ล มาร์กซ์ ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 14 มีนาคม ค.ศ.1883 ในกรุงลอนดอน ขณะดำรงตำแหน่งสมาชิกคณะรัฐมนตรีทั่วไปของสมาคมนานาชาติ ขณะที่มีอายุได้ 65 ปี