ฮิตเลอร์ สั่งกองทัพบุกรัสเซีย ที่สมรภูมิโวลโกกราด เมืองแห่งวีระบุรุษ สมัยผู้นำสตาลิน สงครามโลกครั้งที่ 2

"ความกลัวเป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้าแห่งชีวิต"

"ชนชาติเยอรมันนั้นสูงส่งกว่าชาติอื่นๆ บริสุทธิ์กว่า ดีกว่า เลิศกว่าด้านคุณภาพ สติปัญญา และกำลังกาย"

        ทั้งหมดนี้ก็คือคติและวาทะของ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ จอมเผด็จการแห่งเยอรมัน ซึ่งตลอดระยะเวลา 13 ปีที่เขาครองอำนาจอยู่ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างใหญ่หลวง และมีส่วนในการตายของคนกว่า 30 ล้านคนในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2

        ฮิตเลอร์เกิดเมื่อวันที่ 20 เมษายน ปี ค.ศ.1889 ที่เมืองเบรานา บนฝั่งแม่น้ำอินน์ อันเป็นเขตชายแดนทางภาคเหนือของประเทศออสเตรีย บิดาอาชีพเดิมเป็นช่างเย็บรองเท้า แต่ต่อมาได้ทำงานเป็นเสมียนศุลกากรชั้นผู้น้อย ส่วนมารดาพื้นเพเป็นชาวนาฐานะยากจน พอฮิตเลอร์อายุได้ 12 ปี บิดาก็ถึงแก่กรรม และพออายุได้ 16 ปี มารดาก็เสียชีวิตตามไปอีกคนหนึ่ง ความใฝ่ฝันดั้งเดิมของเขาคือการเป็นจิตรกร แต่ก็สอบคัดเลือกเข้าสถาบันวิจิตรศิลป์แห่งนครเวียนนาตกถึง 2 ครั้ง ฮิตเลอร์ได้พูดถึงความล้มเหลวในครั้งนั้นว่า "พวกเขาปฏิเสธผม โดยอ้างว่าผมมีความรู้เรื่องวาดภาพไม่พอ ให้ตายสิ ถ้าหากผมรู้ ผมจะมาสมัครเข้าเรียนทำบ้าอะไร"

        ชีวิตในวัยรุ่นของฮิตเลอร์หลังจากกำพร้าทั้งพ่อและแม่ค่อนข้างลำบาก เขาไม่ได้รับการศึกษามากนัก และต้องเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ เพื่อนทำงานเป็นคนทาสี รับจ้างกวาดหิมะ กรรมกรก่อสร้าง อยู่ที่เมืองมิวนิค จนเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ฮิตเลอร์จึงสมัครเข้าไปเป็นทหารและได้รับเหรียญกล้าหาญ

        ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ในปี ค.ศ.1918 ประเทศเยอรมันซึ่งเป็นประเทศแพ้สงคราม ตกอยู่ในฐานะระส่ำระส่าย สภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอดอยากอยู่ทั่วไป จนฝ่ายสัมพันธมิตรซึ่งเป็นฝ่ายชนะต้องส่งทหารเข้าไปควบคุมประเทศเยอรมันเสียเอง และจัดตั้งรัฐบาลประชาธิปไตยขึ้น แต่ก็ไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้น ประชาชนชาวเยอรมันส่วนใหญ่จึงมีการจับกลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองเสียใหม่

        ฮิตเลอร์ได้ลาออกจากทหารและเข้าร่วมกับกลุ่มกรรมกรแห่งเยอรมัน (German Labour Party) และกลายเป็นคนสำคัญของกลุ่มไป เพราะท่าทีอันเข้มแข็งในการแสดงปาฐกถาชักจูงให้คนฟังเลื่อมใส จนสมัครเข้าร่วมอยู่ในกลุ่มเดียวกับเขามากขึ้น ฮิตเลอร์ได้เปลี่ยนชื่อพรรคเสียใหม่ว่า "National Socialist German Worker" ซึ่งพรรคนี้ก็กลายเป็นที่รู้จักกันดีในชื่อ "พรรคนาซี" ฮิตเลอร์ได้เป็นหัวหน้าพรรคในปี ค.ศ.1921

        พรรคนาซีอันมีฮิตเลอร์เป็นหัวหน้าพรรค ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนอย่างกว้างขวาง และในปี ค.ศ.1930 ในการเลือกตั้งคณะรัฐบาลในปีนั้น พรรคนาซีก็ประสบชัยชนะในการเลือกตั้ง และฮิตเลอร์ในฐานะหัวหน้าพรรคได้ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี

        ในปี ค.ศ.1934 ประธานาธิบดีไฮเดนเบิร์กถึงแก่กรรม ฮิตเลอร์รวบเอาตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นของเขาอีกตำแหน่งหนึ่ง และไม่ให้มีตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกต่อไป และตำแหน่งที่เขาครองอยู่ก็เรียกเสียใหม่ว่า เดอร์ ฟูเรอร์ หรือ ท่านผู้นำ และสั่งยุบพรรคการเมืองทุกพรรคในประเทศ

        ฮิตเลอร์ได้แสดงอำนาจอย่างเต็มที่ โดยการกวาดล้างผู้เป็นปฏิปักษ์ หาทางบีบให้สหพันธ์กรรมกรสลายตัว สั่งปิดหนังสือพิมพ์ที่เป็นฝ่ายค้าน และรวมเอาสถานีวิทยุทุกแห่งเป็นของรัฐ

ฮิตเลอร์มุ่งสร้างกำลังให้แก่กองทหารเยอรมันอย่างเต็มที่ รายได้ของรัฐแทบทุกอย่างจะถูกนำมาใช้ในการบำรุงสะสมกองทัพอย่างเต็มที่ และเริ่มต้นนำกองทัพบุกประเทศต่างๆ เช่น เช็กโกสโลวาเกีย ออสเตรีย โปแลนด์ เดนมาร์ก และนอร์เวย์

        ในปี ค.ศ.1938 พอข่าวการเคลื่อนไหวของฮิตเลอร์เริ่มขึ้น อังกฤษกับฝรั่งเศสก็ยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้อง สงครามโลกครั้งที่ 2 จึงเริ่มปะทุขึ้น อังกฤษยกทัพเรือเข้าสกัดการรุกของเยอรมัน ส่วนฝรั่งเศสยกทัพประชิดพรมแดน แต่ทัพของประเทศทั้งสองก็ต้องพ่ายแพ้แก่ฮิตเลอร์ ได้รับความเสียหายยับเยิน ฮิตเลอร์สามารถยกกองทัพผ่านฮอลแลนด์และเบลเยี่ยมเข้ายึดฝรั่งเศสได้

        แผนการต่อไปของฮิตเลอร์คือการบุกรัสเซียแบบสายฟ้าแลบ ดังนั้นกองทัพของเยอรมันจึงยกกำลังจากโปแลนด์เข้าไปในรัฐยูเครนของรัสเซีย แต่ก็ตีรัสเซียไม่สำเร็จเพราะสภาพภูมิอากาศและสภาพภูมิประเทศของรัสเซียซึ่งกันดารและหนาวจัด หน่วยรบยานยนต์และรถถังจำนวนมากถูกฝังอยู่ในหิมะ ขณะที่การรบในรัสเซียล้มเหลว กองทัพฝ่ายสัมพันธมิตรก็เข้าล้อมกรุงเบอร์ลินไว้ได้

        ในขณะที่กรุงเบอร์ลินกำลังถูกโจมตีทางภาคพื้นดินและทางอากาศอย่างหนักนั้น ฮิตเลอร์จอมเผด็จการยังคงทำการบัญชาการรบอยู่ในอุโมงค์ลับใต้ดิน อันเป็นกองบัญชาการของเขา เมื่อฮิตเลอร์ทราบแน่ชัดแล้วว่ากรุงเบอร์ลินคงจะแตกในไม่ช้านี้ เขาก็ตัดสินใจกระทำอัตวินิบาตกรรม โดยใช้ปืนพกของเขายิงตัวเองตาย ส่วนอีวา บราวน์ ชู้รักซึ่งเพิ่งทำพิธีแต่งงานกับฮิตเลอร์ในอุโมงค์แห่งนี้ไม่นานก็ดื่มไซยาไนด์ฆ่าตัวตายตามไปด้วย

        กล่าวกันว่าก่อนตาย ฮิตเลอร์ได้สั่งบรรดาเสนาธิการและที่ปรึกษาของเขาว่า เมื่อเขาและภรรยาเสียชีวิตแล้วให้เผาศพเขากับภรรยาเสียทันที ดังนั้นเมื่อฝ่ายสัมพันธมิตรค้นพบอุโมงค์ลับแห่งนี้ จึงพบศพที่ถูกไฟไหม้เกรียมจนจำแทบไม่ได้ว่าเป็นศพใคร แต่จากการพิสูจน์ทางการแพทย์ และจากประวัติการทำฟันของฮิตเลอร์ ต่างก็ลงความเห็นว่าต้องเป็นศพของจอมเผด็จการผู้นี้อย่างแน่นอน

        ฮิตเลอร์จบชีวิตของตัวเองในวันที่ 30 เมษายน ปี ค.ศ.1945 หลังจากการตายของฮิตเลอร์ เยอรมันก็ยอมจำนนโดยไม่มีเงื่อนไข