ตามใจ... ไปหลวงพระบาง
หมวด เนื้อหาทั้งหมด
มอสโก
เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
โปรแกรมทัวร์
ความรู้เกี่ยวกับสหพันธรัฐรัสเซีย
สถานทูตไทย ในต่างประเทศ
วลาดิเมียร์
ซูซดาล
ซากอร์ส
แผนที่และเส้นทางการท่องเที่ยว
เวลาและอุณหภูมิโลก
ของฝากจารัสเซีย
หนังสือเดินทาง ชนิดต่างๆ
ที่สุดของรัสเซีย
บุคคลสำคัญที่ควรรู้จัก
รวมภาพ ในแต่ละทริป
คุยกับ เว็บมาสเตอร์
16 ซาร์แห่งราชวงศ์โรมานอฟ
เที่ยวบินไปประเทศรัสเซีย
Webcam
การเดินทางสู่กรุงมอสโก
ราชนิกุลรัสเซียที่ควรรู้จัก
ไปรัสเซียต้องระวัง
ภาษารัสเซีย ???????
Golden Ring Cities
Russian Clips
ราชตระกูล จักรพงษ์
Russian TV
เอกอัครราชทูต
การก่อการร้ายในรัสเซีย
ไซบีเรีย
รัสเซีย : สงครามต่างๆ
พลซุ่มยิงของโซเวียต (รัสเซีย)
มรดกโลกของ รัสเซีย
มาเฟียรัสเซีย
หน่วยปฏิบัติการพิเศษ
รักร่วมเพศ ในรัสเซีย
คิง ไกเซอร์ ซาร์
เขี้ยว เล็บ รัสเซีย
อวกาศกับรัสเซีย
12 ประเทศในเครือรัฐเอกราช
วอดก้ารัสเซีย
เขตปกครองของรัสเซีย
เพชรรัสเซีย
เสด็จเยือนรัสเซีย
คาเวียร์
เครื่องดนตรีรัสเซีย
น้ำดื่ม (วาดะ)
ศิลปินรัสเซีย
Trans-siberian railway
ze
8
ภาพเว็บมาสเตอร์
เว็บมาสเตอร์ บ่น
ตามใจ ไปหลวงพระบาง
หวังเป็นอย่างยิ่งว่า เว็บไซต์นี้จะมีประโยชน์.. ไม่มากก็น้อย ขอบคุณครับ
เนิ้อหานี้อยู่ในหมวด :
คุยกับ เว็บมาสเตอร์
ตามใจ... ไปหลวงพระบาง
ผมและแฟนรีบกุลีกุจอสะพายเป้ใบใหญ่คนละใบ อีกทั้งกระเป๋ากล้องใบโตที่หนักอื้งวิ่งขึ้นรถทัวร์ VIP คันโต สภาพไม่ไหม่ไม่เก่ามากนัก เพื่อเดินทางกลับเวียงจันทร์
อุตส่าห์ตื่นแต่เช้ามาใส่บาตรและจะรีบเดินทางกลับบ้าน แต่ต้องมาล่าช้าพระเงินหมดและกดเงินไม่ออก (เช้าเกินไป ATM จะกดเงินได้ประมาณ 8.00 น.) เลยต้องกลับมานั่งรอที่วัด สามล้อคนนี้ก็ใจดีมากพาเราตระเวณไปหาตู้ ATM ทั่วหลวงพระบางแล้วยังจอดรอที่หน้าวัดอีก น้ำใจงามจริงๆ
กว่าจะได้ขึ้นรถก็ 9.00 น. แล้ว ผมขึ้นรถเป็นคนเกือบสุดท้าย คนที่ขึ้นหลังผมเป็นชายรูปร่างผอมสูง ใส่เสื้อคลุมทับเสื้อยืดอีกตัว มองดูแล้วแปลกๆ เหมือนมีอะไรอยู่ในเสื้อ ชวนให้ผมนึกถึงคนพิการ หรือแขนได้รับอุบัติเหตุทำให้ต้องใส่เผือก เขาเดินมานั่งด้านตรงข้ามผม ซึ่งผมนั่งเกือบหลังสุด ก่อนรถออกเด็กรถแจกถุงพลาสติกคนละใบ เผื่อมีใครคลื่นใส้อาเจียนจะได้ไม่เปรอะเปรื้อนรถ เด็กรถไม่ได้แจกหนุ่มคนนั้น ผมเลยยื่นถุงให้เค้าเพื่อแสดงความมีน้ำใจ และไมตรีที่ดี เขาสั่นหัว อมยิ้ม ผมก็ยิ้มตอบ
รถเคลื่อนตัวออกจากสถานีหลวงพระบางมุ่งสู่เวียงจันทร์ ถนนคดเคี้ยว ขึ้นเขาลงเขา เป็นเส้นทางที่อันตรายมาก ทุกครั้งที่รถจอด หนุ่มร่างผอมสูงจะยืนขึ้นและชะโงกหน้ามองไปที่ประตูรถทุกครั้ง ไม่นานผมก็ถึงบางอ้อ.... วัตถุที่ทำให้เสื้อของเขาพองๆ ตุงๆ มันคือ
อาวุธปืน
ปืนสงครามร้ายแรง ชนิดยิงทิ้งได้ทั้งรถถายในไม่กี่นาที และกระเป๋าเป้ของเขาคงเต็มไปด้วยระเบิดมือ เขาถึงได้ค่อยจับค่อยวางมาตลอดทาง หน้าผมร้อนผ่าว หัวใจเต้นแรง มองไปที่รอยกระจกร้าว มันเป็นรอยโดนยิงด้วยกระสุนนั่นเอง ผมเริ่มสับสนกับคำพูดของอาจารย์ที่รู้จักกันบอกว่า
เที่ยวลาว สบายๆ ไม่มีอันตรายหรอก
ก่อนหน้านั้น อาจารย์วิทยาลัยช่างศิลปที่รู้จักกันท่านหนึ่ง ได้โทรมาชวนไปหลวงพระบาง แกโทรมาหลายครั้งตั้งแต่ก่อนปิดเทอมอีก พรรณาถึงความสวยงามของหลวงพระบางให้ฟังต่างๆ นาๆ จนถึงวันปิดเทอม แกก็โทรมานัดแนะ บังเอิญผมใจร้อนอยากเดินทางเร็วๆ เพราะเบื่อๆ อยู่ด้วย จึงชวนแฟนเตรียมพาสปอร์ตเสร็จสรรพ เราสองคนก็มุ่งหน้าสู่หนองคายทันที เส้นทางจากกาฬสินธุ์ - ขอนแก่น / ขอนแก่น - อุดรธานี / อุดรธานี - หนองคาย / หนองคาย - เวียงจันทร์ (แฟนแนะนำว่านั่งแบบนี้เร็วกว่า ขอนแก่น-หนองคาย) เราวางแผนนอนที่เวียงจันทร์ 1 คืน
เราถึงเวียงจันทร์ประมาณบ่าย 3 เช็คอินเข้านอนที่โรงแรมแถวๆ ตลาดเช้า คืนละ 600 บาท มีอินเตอร์เน็ตฟรี ซึ่งผมต้องใช้ทำงาน เก็บสัมภาระเสร็จเราก็ออกตระเวณเวียงจันทร์กัน โดยใช้สามล้อเครื่อง ไปเที่ยววัด เที่ยวประตูชัยและเจดีย์หลวง ถ่ายรูปกันสนุกๆ จนค่ำจึงเดินมาที่โรงแรมโดยไม่ลืมที่จะซื้ออาหารมาทานด้วย วันแรกที่ลาว บรรยากาศแบบบ้านเรา รถเยอะแยะ คนก็มากมาย เพียงแต่ตึกใหญ่ๆ โตๆ ไม่ค่อยมีหรือแทบไม่มีเลย เราเตรียมแผนจะเดินทางไปวังเวียงพรุ่งนี้เช้า แต่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับแฟนผม ช่วงที่เดินเที่ยวและถ่ายรูปที่ประตูชัย เธอกระโดดให้ตัวลอยแล้วให้ผมถ่าย ผลที่ได้รับคือ ข้อเท้าพลิก เดินขากระเพลกๆ กลับโรงแรม โดยไม่ลืมแวะร้านขายยาซื้อผ้าพันข้อเท้าและยานวดคลายกล้ามเนื้อมาด้วย ผมก็กลัวว่ามันจะไปไม่รอดเพราะเดินได้ขาเดียว ขาอีกข้างรับน้ำหนักต้วไม่ได้เลย ทำไงดี......
ห้องน้ำโรงแรมมีน้ำร้อนน้ำเย็นให้ด้วย ผมจึงเอาถังพลาสติกมารองน้ำทำให้น้ำอุ่นๆ เพื่อเอามาแช่เท้า แช่นานทีเดียว โดยเปลี่ยนน้ำอุ่นใหม่ตลอด ก่อนนวดด้วยยาและพันข้อเท้าไว้ ภาวนาว่าให้ทุเลาลงบ้างเพื่อจะได้ไปต่อได้ หนทางอีกยาวไกลหลายร้อยกิโลทีเดียว ตื่นเช้าขึ้นมาแฟนผมดีใจกับอาการปวดข้อเท้าที่ทุเลาลงไปมาก ทดลองเดิน ยืน อยู่หลายครั้ง ผมเริ่มโล่งใจกับปัญหาข้อเท้าอักเสบไปบ้าง ประมาณ 10.00 น. เราเช็คเอ้าท์ และเดินทางไป สถานีขนส่งสายเหนือ โดยรถสามล้อเครื่อง เราซื้อตั๋วรถไปวังเวียง รอออกจากสถานี 15.30 น. หาอะไรกินกันไปพลางๆ เดินไปเดินมารอรถออก สถาพรถเก่าผ่านการวิ่งมามาก มีรถจักยานยนต์อยู่บนหลังคารถสองสามคัน ผู้โดยสารส่วนมากเป็นชาวลาว นักท่องเที่ยวมีฝรั่งหนุ่มสาวสองคน เกาหลีหนึ่งคน เวียตนามสามีภรรยาหนึ่งคู่และเราคนไทยสองคน ใกล้ถึงเวลารถออกจากสถานี โซเฟอร์ติดเครื่องยนต์เสียงดังกระหึ่ม เพื่อวอร์มเครื่องรถที่เรานั่งเป็นรถธรรมดา (ร้อนมาก) ปรับอากาศตามสภาพ ผู้โดยสารรีบหาที่นั่งกันจ้าละหวั่น คิดว่ารถคงจะออกแล้ว แต่ก็ต้องทนร้อนต่อไปอีก เพราะรถติดเครื่องเฉยๆ
รถออกช้ากว่าเวลาที่กำหนดประมาณ 20 นาที คงเป็นเพราะคันนี้เป็นเที่ยวสุดท้าย คนรถต้องการคนให้เต็มรถเลย รถเคลื่อนตัวออกจากท่ารถอย่างช้าๆ เสียงรถดังเอี้ยดๆ ตามแรงโยกเยกไปโยกเยกมา นอกรถฝุ่นคละคลุ้งไปหมด ผมสอดส่ายสายตาหามุมสวยเพื่อจะได้ถ่ายรูปบ้าง รถวิ่งออกจากสถานีมาได้ประมาณ 10 กิโลเมตร ก็หยุดนิ่งจอดข้างทาง ผู้โดยสารมองหน้ากันไปมา ก่อนมองไปที่คนรถ จึงได้คำตอบว่ารถเสีย ไปต่อไม่ได้ ทุกคนต้องรอรถคันใหม่ที่จะเอามาเปลี่ยนที่นี่ ผมกับแฟนช่วยกันขนเป้ลงรถแล้วหาที่นั่งรอรถที่จะเอามาเปลี่ยนพร้อมกับผู้โดยสารท่านอื่น ทุกคนใจร้อนจะรีบกลับบ้านแต่ทำอะไรไม่ได้ ผมก็ขำๆ ตลกดี ลาวหนอลาว เฮ้อ.. รำพึงอยู่ในใจ
อากาศร้อนอบอ้าว แสงแดดทำลายม่านตาจนต้องหรี่ตามอง ผมร้อนมากมองหาร้านขายน้ำดื่มแต่ไม่เห็น เลยได้แต่เฝ้ามองคนอื่นๆ ว่าทำอะไรกันบ้าง สักพักผมเห็นคนรถเดินถือขวดน้ำดื่มมาจากจากปั้มน้ำมันฝั่งตรงข้าม ห่างไปอีกสักร้อยกว่าเมตร ผมจึงเดินไปซื้อน้ำมาให้แฟนดื่ม ซึ่งก็หลบแดดอยู่กับคนอื่นๆ นานเกือบสองชั่วโมง รถคันใหม่ถึงวิ่งมาถึงจุดที่เรารอ จัดสัมภาระขึ้นรถอีกเกือบสามสิบนาที่ รถถึงเคลื่อนตัวได้อีกครั้ง การเดินทางเริ่มขึ้นอีกครั้ง พวกเรามุ่งสู่ทางเหนือของลาว เส้นทางคดเคี้ยวไปตามภูเขา วิ่งขึ้นๆ ลงๆ บรรยากาศนอกรถสวยดี ป่าไม้มากมาย เขียวไปตลอดทาง ทำให้เรารู้สึกดี ผ่อนคลายความเมื่อยล้าลงมาบ้าง
6 ชั่วโมงบนรถธรรมดา ร้อนจนเหนียวตัว ประมาณสามทุ่มกว่าๆ เรามาถึงวังเวียง เมืองปายลาว ฉายาที่ได้มาจากคนอื่นๆ พวกเรามายื่นข้างถนนงงๆ ว่า นี้หรือวังเวียนเพราะว่าเราไม่เห็นอะไรเลยนอกจากถนน ลมพัดแรงมาก เม็ดฝนเริ่มโปรยปราย เราไม่มีเวลาคิดแล้ว เรียกสามล้อเครื่องทันที บอกว่าต้องการโรงแรม สามล้อเคื่องพาเรามาส่งยังโรงแรมชั้นหนึ่งของวังเวียง มีอินเตอร์เน็ต ราคาคืนละ 800 บาท เราตกลงทันที เพราะด้านนอกฝนตกอย่างหนัก เราไม่มีเวลาหาโรงแรมแล้ว ไม่นานวังเวียงทั้งเมืองก็ต้อนรับเราด้วยความมืด คืนแรกก็มืนแล้ว ผมคิดอยู่ในใจ ก่อนรับเทียน 1 เล่มมาจากพนักงานโรงแรม จุดเทียนกันแล้วเดินขึ้นห้องพัก นี่หรือโรงแรมชั้นหนึ่งไม่มีแม้แต่ไฟสำรองหรือตะเกียง แม้แต่เทียนก็ให้แค่อันเดียว
เราจุดเทียนไว้ 1เล่ม ก่อนเปลี่ยนเสื้อผ้าตัวใหม่ หลังจากเดินทางมาหลายชั่วโมง เมื่อยล้าเพลีย แต่ความหิวมีมากกว่า ผมกับแฟนจึงถือเทียนไขผ่าความมืดลงมาหาอาหารกินกัน หน้าทางเข้าโรงแรมมีร้านค้าเล็กๆ อยู่ ลองเดินไปดู มีทำแพนเค็กขาย มีของใช้เครื่องดืมด้วย มาเมืองลาวผมยังไม่ได้กินเบียร์ลาวเลย ผมจึงเล็งไปที่เบียร์ลาวก่อนสิ่งอื่น ท้องเจ้ากรรมร้องจ้อกๆ อีกแล้ว ผมสั่งแพนเค็กและถามเจ้าของร้านว่าทำข้าวราดไข่เจียวได้ไหม เจ้าของร้านพยักหน้ารับว่าทำให้ได้ ก็เลยอิ่มท้องกันด้วยข้าวไข่เจียว ราคาจานละ 70 บาท แพงจัง มันจะรีบรวยไปไหนฟะ... ผมบ่นอยู่ในใจ แต่ก็ไม่วายที่จะซื้อเบียร์ลาว บุหรี่ลาวมาลองดื่มลองสูบ เราผ่าความมืดเดินเข้ามาที่โรงแรม ขอเที่ยนอีก 1 เล่ม และก็ได้ 1 เล่มจริงๆ ถามเรื่องไฟฟ้า พนักงานโรงแรมบอกไม่นาน อย่างมากก็ 30 นาที ผมก็เชื่อตามนั้น
เบียร์หมดไป 2 กระป๋องแล้ว บุหรี่หมดไปหลายมวน ไฟฟ้าก็ยังไม่มา ร้อนก็ร้อนจะใช้อินเตอร์ก็ไม่ได้ นอนกลิ้งไปกลิ้งมา แล้วก็ออกไปสูบบุหรี่ตรงระเบียง ผมรอไฟถึงตี 3 ผมนอนไม่หลับเพราะผมเป็นคนนอนดึก ราตรีนี้ช่างยาวนาน ผมเผลอหลับไปตื่นขึ้นมาตอน 8 โมงเช้า ลองเปิดไฟดูไฟก็ยังไม่มา เซ็งจริงๆ วังเวียงเจ้ากรรม ทำตูได้ เรารีบอาบน้ำแต่งตัวออกไปเดินเที่ยว เดินดูห้องพัก โรงแรม ถามราคาดู แค่ 200 / 300 / 500 บาท แต่พวกนอนคืนละ 800 บาท ถือว่าแพงสุดๆ แต่ทำไงได้ไฟดับมันมืด ไม่มีเวลาเดินหานิ เราข้ามลำซองไปดูบรรยากาศริมน้ำ เด็กเล่นน้ำ กินอาหารเช้าริมลำซอง อร่อยมาก ราคาถูกกว่าหน้าโรงแรม มีนักท่องเที่ยวปั่นจักยานเที่ยวมากมาย เราตัดใจเช่ารถจักยายนต์มา 1 คัน (ต้องคืนรถก่อน 6 โมงเย็นและน้ำมันต้องเหลือเท่าเดิม) แล้วเราก็ไปเที่ยวน้ำตก ซึ่งอยู่กลางป่า กลางเขา ดั้นด้นไปนานเป็นชั่วโมงๆ กว่าจะเจอ น้ำตกไม่ได้สวยมากมาย ถือว่าธรรมดามาก อาหารเที่ยงเราก็กินที่น้ำตก ราคาแพงน่าดูเกือบ 500 บาท อาหารไม่กี่อย่าง เมื่ออิ่มท้องเราก็กลับโรงแรมกัน แฟนผมเป็นคนขี่ผมซ้อนท้ายเช่นเดิม (ขี่มอเตอร์ไซต์ไม่เป็น)
โรงแรมทะวิสุทธิ คือ โรงแรม 5 ดาวที่เราเข้าพัก
คืนรถจักรยานยนต์แล้วเราเดินมาที่โรงแรมประมาณบ่ายโมงกว่าๆ เราถามว่าไฟฟ้ามายังเค้าบอกว่าไฟเพิ่งมา ผมจึงขออาบน้ำและเช็คอีเมล์สัก 1 ชั่วโมงได้ไหมทางโรงแรมไม่ยอม บอกว่าต้องจ่ายอีก 400 บาท ทั้งที่เมื่อคืนไฟดับทั้งคืน ยังไงเค้าก็ได้ประโยชน์ เมื่อต่อรองไม่ได้ผมก็จ่ายไปอีกสี่ร้อยบาทค่าล่วงเวลา (ปกติต้องเช็คเอ้าท์ก่อนเที่ยงวัน) ผมอาบน้ำอยู่ยังมีโทรขึ้นมาเร่งอีก บอกว่า "
ลูกทัวร์จะมาถึงแล้วเร็วๆ หน่อย
" ดูมันทำกับตู ทั้งที่มีฝรั่งอยู่ไม่กี่คนทั้งโรงแรม แสบได้ใจจริงๆ ผมเลยรีบบอกแฟนอาบน้ำแต่งตัวเดินทางไปหลวงพระบางดีกว่าเบื่อวังเวียงแล้ว จะว่าไปแล้วลาวมีธรรมชาติที่หลงเหลืออยู่มาก ต้นไม้ใบหญ้าเขียวชะอุ่มตลอดทาง บ้านต่างๆ มีตั้งแต่มุงจาก ไปจนถึงบ้านปูนหลังใหญ่ แปลกอยู่อย่างหนึ่งคือ ทุกบ้านมีจานดาวเทียมหมด ไม่ว่าจะอยู่ลึกในป่าเขาแค่ไหนก็ตาม
หากตัดความรำคาญหงุดหงิดใจจากปัญหาการเดินทาง การต่อรองต่างๆ จากเจ้าของสามล้อเครื่อง ที่พักต่างๆ ตัดความกังวลเรื่องงานที่ต้องทำทางอินเตอร์เน็ตของผมออกไป ลาวก็ถือว่าเป็นประเทศที่น่าเที่ยวประเทศหนึ่ง ทั้งเป็นเมืองพี่เมืองน้องกับไทย สมัย ร.5 ตามประวัติศาสตร์เราเคยปกครองประเทศลาว ขึ้นไปจนถึงสิบสองจุไทย ก่อนที่จะโดนประเทศมหาอำนาจอย่างฝรั่งเศส ใช้ทุกวิธีแย่งไปปกครองเป็นเมืองขึ้นของตนเอง (เหตุการณ์ ร.ศ. 112) หลวงพระบางเป็นเมืองที่เราปกครองมาอย่างยาวนานเมืองหนึ่งด้วย หากพูดถึงประว้ติศาสตร์กับคนลาวแล้ว คงเป็นเรื่องไม่เหมาะไม่ควรเป็นแน่ ยิ่งเรื่องหอพระแก้ววัดศรีเมือง เวียงจันทร์ ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตด้วยแล้ว ถือว่าเป็นจุดแห่งความไม่พอใจอยู่ลึกๆ ด้วย เพราะผมเคยคุยกับไกด์ลาวที่เป็นคนไทย ไกด์พูดอย่างสนุกสนานว่า ตอนนี้พระแก้วมรกตอยู่ที่วัดพระแก้วบ้านเราแล้ว แต่คนลาวฟังแล้วไม่สนุกด้วย วัดวาอารามต่างๆ ของลาว ยังถือว่าเป็นของโบราณ เก่าแก่ ยังไม่มีการบูรณะมากมายเหมือนบ้านเรา ดูแล้วยังคงความศักดิ์สิทธิของอารยธรรมโบราณอยู่อย่างเต็มเปี่ยม
ยิ่งวังเวียงด้วยแล้ว ถือว่าเป็นธรรมชาติมากๆ แม้มองดูแล้วกลายเป้นแหล่งทำเงินของคนลาว จนลืมว่าเรามาเพราะธรรมชาติ ขนบธรรมเนียมประเพณี ไม่ได้มาเพราะอยากมาดูแหล่งท่องเที่ยวซึ่งมีแต่บาร์เบียร์ บาร์เหล้าเต็มเมืองไปหมด วันพระเรายังเห็นชาวบ้านพับใบตองแซมด้วยดอกไม้ มาวางขายริมถนน ให้คนนำไปบูชาพระ ซึ่งมองดูแล้วก็ขัดกัน เพราะริมถนนเต็มไปด้วยร้านเหล้ามากมาย การท่องเที่ยวจะอยู่ตามลำซอง ซึ่งบางทีก็น่ากลัวเพราะมีแต่ป่า หากเกิดอะไรขึ้นกับเราก็คงไม่มีใครช่วย ผมก็ได้แต่ภาวนาว่า อย่าโดนปล้นเลย สาธุ ส่วนแฟนผมก็สนุกสนานไปตามเรื่องของคนรักธรรมชาติ
หลังจากที่เราตัดสินใจจะเดินทางไปหลวงพระบางแล้ว เราจึงเดินเท้าไปสถานีขนส่งวังเวียง รถออกเวลา 17.30 น. มีรถเที่ยวนี้เที่ยวเดียวเท่านั้น เราจึงนั่งรอรถที่สถานี เวลาผ่านไปเรื่อยๆ หลายชั่วโมงเราได้แต่ชะเง้อชะแง้มองดูรถประจำทางที่วิ่งจากเวียงจันทร์ไปหลวงพระบาง เวลาผ่านมาชั่วโมงกว่าแล้ว เราจึงเห็นรถคันดังกล่าววิ่งมาอย่างช้าๆ ความมืดปกคลุมวังเวียงแล้ว การเดินทางของเราเริ่มอีกครั้ง ผมเบียดตัวหาที่นั่งหลังๆ รถ เพื่อจะได้มองได้ว่า เกิดอะไรขึ้นหรือใครทำอะไรบนรถ เป็นสิ่งหนึ่งที่ผมทำอยู่ประจำเวลาขึ้นรถเมล์ รถวิ่งอย่างช้าๆ ไปตามหุบเขา นานๆ จะเจอหมู่บ้าน ผมพยายามเพ่งสายตาดูนอกรถ ก็เห้นแต่หน้าผากับผนังภูเขาที่ถูกระเบิดทำให้เป็นถนน ประมาณ 6 ทุ่ม รถจอดให้ลงไปกินข้าว ด้วยความเมื่อยล้าผมปลุกแฟนผมซึ่งหลับตลอดทาง ว่าจะลงไปกินข้าวไหม สรุปคือไม่ลงจะนอนต่อ ผมจึงลงไปกินข้าว ราคาจานละ 65 บาท ข้าวราดแกง 2 อย่าง ถือว่าแพงมากสำหรับผม ผมสังเกตุเห็นว่า ทั้งคันรถไม่มีนักท่องเที่ยวเลย มีผมกับแฟนสองคนเท่านั้น ผมเก็บความรู้สึกนี้ไว้ในใจว่า ทำไมไม่มีนักท่องเที่ยวเลย หรือว่าเพราะเป็นรถธรรมดา ไม่มีแอร์คนเลยไม่นิยมนั่ง
เสียงรถดังกระหึ่มแหวกไปในความมืด นานๆ ครั้งผมจะเห็นแสงไฟจากรถที่วิ่งสวนมา ผมไม่หลับเลย เป็นธรรมชาติของผม ในที่ที่ไม่คุ้นเคยผมจะระวังตัวเป็นพิเศษ กล้องและโน้ตบุ๊ครวมกันเป็นแสน บัตรเครดิตวงเงินเป็นแสนอีกหลายใบในกระเป๋าสะตางค์ เป็นเหตุผลเพียงพอที่ตาสองข้างของผมจะค้างตลอดการเดินทาง ส่วนแฟนผมหลับตลอดทาง ซึ่งมีสองสาเหตุ อาจเป็นเพราะเมื่อยชอบนอนหรือสบายใจเพราะมีผมอยู่ข้างๆ คอยระวังให้อยู่แล้ว เส้นทางคดเคี้ยว ขึ้นๆ ลงๆ โค้งแต่ละโค้งหักศอกทั้งนั้น ทุกครั้งที่มีการจอด ผู้ชายเกือบทั้งหมดรีบลงไปปัสสาวะ ผมสังเกตุเห็นคนขับและเด็กรถทำอะไรบางอย่างโดยใช้ผ้าห่มคลุมไว้ ไม่ให้คนสังเกตเห็นไฟวาบๆ จากการสูดดมยาเสพติด ริมข้างทางหลังรถ ทำแบบนี้ประมาณ 3-4 ครั้งเห็นจะได้ (ผมคิดว่าเป้นการสุดดมยาบ้าที่บดให้ละเอียด แล้ววางบนฟอร์ยของบุหรี่ จุดไฟเผาแล้วก็สูดดมควันเข้าไป ทำให้ไม่ง่วง) เห็นการกระทำแล้วผมก็ตกใจเหมือนกัน ได้แต่นิ่งๆ ไว้
ในพะวังหูผมแว่วๆ เสียงตะโกนว่าหลวงพระบางๆ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมา เหลือบดูนาฬิกาเป็นเวลาตีสามกว่าๆ ผมน่าจะเผลอหลับไปประมาณ 30 นาทีได้ ผมปลุกแฟน ก่อนจะงัวเงียลงรถ สามล้อเครื่องวิ่งมาหาชวนให้ใช้บริการ ผมก็คุยเล่นๆ ก่อนเลือกใช้บริการไปหาที่พัก ราคาค่ารถ 200 บาท (แพงมาก ตอนกลับแค่ 50 บาท) เรามาถึงห้องเช่า สามล้อเครื่องปลุกเจ้าของห้องเช่าขึ้นมาเปิดห้อง ตกลงราคากันที่ 250 บาทต่อคืน ซึ่งถือว่าถูกดี แต่ไม่มีอะไรให้สักอย่างผมจะอยู่ที่นี่ 2 คืน เลยจ่ายไป 500 บาท (ใช้เงินกีบ แต่ไม่ถนัดที่จะเขียน) เราอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนหลับตาลงด้วยความเมื่อยล้า การเดินทางทียาวนาน จากวังเวียง 19.25 น. ถึงหลวงพระบาง 03.47 น. โดยประมาณ 8 ชม. สบายดีหลวงพรบาง ผมคิดอยู่ใจจนหลับไปอีกครั้ง
สบายดี หลวงพระบาง
เช้าแล้วเรารีบอาบน้ำเปลี่ยนชุด เพราะอยากเห็นเมืองหลวงพระบางใจจะขาด ไม่นานนักเราก็ออกมาถึงถนนเส้นหลัก ตรงปากซอยเป็นวัดธาตุหลวง ที่พระจะลงมาบิณฑบาตรที่เราเห็นกันตามโปสการ์ด วัดใหญ่ๆ ที่เราจะต้องไปชมให้ได้คือ วัดเชียงทอง วัดพระธาตุพูสี วัดใหม่สุวรรณภูมาราม วัดแสนสุขาราม วัดวิชุนราช ตามถนนเส้นหลักริมถนนจะเต้มไปด้วยวัดวาอารามมากมาย จนแทบจะติดๆ กำแพงกันเลยทีเดียว ความสวยงามต่างๆ ของวัดจะเต็มไปด้วยมนต์ขลังจากจิตวิญญาณของนายช่างผู้วาด ปั้น แกะสลัก ลวดลายต่างๆ อย่างปรารีต ผูกเรื่องราวไว้สวยงาม บางวัดทาสีทองเหลืองอร่าม เปร่งประกายทอแสงเมื่อโดนแสงแดดกระทบ เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาแก่พุทธศาสนิกชนยิ่งนัก ผมและแฟนเดินชมวัดกันทั้งวัน ยิ่งวัดพระธาตุภูสีด้วยแล้วยิ่งถือว่างานหนักเอาการ เพราะต้องขึ้นภูเขาไปอีก โดยขึ้นบันใด 328 ขั้น สู่พระธาตุบนภูสูงลิบใจกลางเมืองหลวงพระบาง เหงื่อตกกันอีกครัง แต่เมื่อถึงพระธาตุเราก็รู้สึกเย็นสบาย มองดูทิวทัศน์เมืองหลวงพระบางได้รอบทิศ บนยอดเขาผมเห็นฐานปืนยิงต่อสู้อากาศยานอยู่หนึ่งจุด ยังไม่ได้เก็บฐานปืน เอาแต่ตัวปืนออกไปเท่านั้น ตอนลงเราเดินอ้อมลงอีกทางเผื่อจะมีอะไรดูแปลกใหม่บ้าง
หลวงพระบาง มรดกโลก หรือมรดกใคร...
ถนนหนทาง บ้าน วัด ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ การก่อสร้างต่างๆ ต้องผ่านการตรวจสอบก่อน ต้องออกแบบจากผู้มีหน้าที่เท่านั้น ทุกอย่างล้วนดำเนินไปตามกฏของเมืองมรดกโลก รถสวย บ้านหรู ล้วนตกเป็นของต่างชาติ ชาวลาว ชาวลื้อ ไม่ได้มีบทบาทอะไร นอกจากการหาสินค้ามาขาย ทำธุรกิจเล็กๆ น้อยๆ ธุรกิจใหญ่ๆ หรือการขับเคลื่อนเมืองหลวงพระบางล้วนเป้นไปตามกฏของมรดกโลกทั้งสิ้น ชาวต่างชาติครอบครองหลวงพระบางแล้ว หลายมุมมองที่ผมคิด การตักบาตรตอนเช้ากลายเป็นจุดขายของหลวงพระบาง หาใช่ประเพณีที่ชาวบ้านเลื่อมใสศรัทธาเหมือนเช่นเดิม แม่ค้าชาวลาวหาบของที่จะใส่บาตรวิ่งหานักท่องเที่ยว หวังจะขายชุดใส่บาตรได้บ้าง ถ้าขายไม่หมดละ ข้าวหลามหรืออาหารที่บูดเน่าได้ จะถูกทิ้งไหมหรือว่าจะเอามาขายต่อในวันรุ่งขึ้น พุ่มไม้เตี้ยๆ ภายในวัดถูกซุกซ่อนด้วยขวดเบียร์ ใครกันที่กินเบียร์ในวัด เงินบริจาคต่างๆ ไม่ได้เข้าวัด แล้วเงินไปไหน รถตู้บริการท่องเที่ยวของใครจอดตามวัดมากมาย โดยเฉพาะวัดเชียงทอง พุทธรูปโบราณล้ำค่าถูกเก็บไว้ในสถานที่ปกปิดมิดชิด แม้เจ้าอาวาสยังไม่มีสิทธิเปิดดู เณรน้อยออกไปเรียนภาษาอังกฤษ เกาหลี ญี่ปุ่น หวังว่าสักวันหนึ่งจะได้ลาสิกขาไปเป็นเด็กเสริฟของร้านฝรั่งที่แสนโก้ ปัญหาต่างๆ รุมเร้าหลวงพระบาง ผมทำตาละห้อย เหนื่อยล้าแทนท่านเจ้าอาวาสที่ผมสนทนาด้วยเป็นชั่วโมงๆ ..... หลวงพระบางมรดกโลก หรือมรดกใคร
ผมปล่อยวาง คำพูดของพระเจ้าอาวาสวัดลง หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ 2-3 ครั้ง ก่อนเที่ยวด่อ เป็นไปไม่ได้ที่ผมจะแบกคำพูดเหล่านั้นไว้ในหัว ขณะที่ผมเดินเที่ยว เพราะผมเดินทางมาเหนื่อยมาก ผมต้องรู้สึกดีต้องมีศรัทธาในพระพุทธศาสนา ต้องรักชอบทีมงานมรดกโลกที่ช่วยอนุรักษ์สิ่งต่างๆ ไว้ให้ดู แฟนผมก้ไม่ได้เครียดอะไร คงคิดว่ามันเป็นเรื่องของหลวงพระบาง ไม่ใช่เรื่องของเรา ปล่อยเป็นภาระของชาวหลวงพระบางกันเถอะ เราเที่ยวต่อดีกว่า ผมสลัดทิ้งความคิดข้างบนทั้งหมด สายตาทอดยาวไปตามถนน สถาป้ตยกรรมต่างๆ สวยงาม ไม่สูงจนบดบังทัศนียภาพของเมือง สีสันไม่ฉูดฉาด ดูคล้องจองลงตัวไปหมด เป็นเมืองที่น่าอยู่จริงๆ ผมต้องกลับมาอีกครั้งให้ได้ ทุกครั้งที่เดินเข้าวัด ผมอดที่จะภาคภูมิใจไม่ได้ที่ผมเกิดมาเป็นชาวพุทธ เป้นช่างศิลปคนหนึ่ง ลวดลายต่างๆ ที่ปั้น ที่วาด ล้วนเต็มไปด้วยความปราณีตบริสุทธิ์ ทำให้จินตนาการถึงนายช่างโบราณกำลังยกมือพนมไหว้ ก่อนวาดลวดลายลงบนผนังโบสถ์อันศักดิ๋สิทธิ
สบายดีหลวงพระบางผมชอบพูดอยู่ในใจ โดยที่ผมไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่า สบายดี คือ สวัสดี ผมเข้าใจว่ามันหมายถึง คนหลวงพระบางสบายดี ไม่เจ็บ ไม่ไข้ มีอาหารอุดมสมบูรณ์ ผมเก็บความคิดนี้ไว้คนเดียว จนกระทั่งเด็กๆ ลาว ทักผมว่าสบายดี คงเห็นผมสะพายกล้อง เลนส์ พะรุงพะรัง เลยทักตามประสาเด็กทักนักท่องเที่ยว แฟนผมเลยถามว่า รู้ไหมสบายดี ก็คือ สวัสดี ของคนลาว ผมขำตัวเองอยู่คนเดียวที่หลงเข้าใจผิดว่า สบายดี คือ ไม่มีเจ็บมีไข้ หลังจากวันนั้นมาผมก็ทักเด็กๆ ว่า สบายดีๆ จนติดปาก เด็กๆ ก็จะตอบมาว่า สบายดีๆ ด้วยใบหน้าและรอยยิ้มที่เปี่ยมสุข (อายจัง โง่มานานตู)
ช่วงเย็นๆ ถนนเส้นหลักของเมืองจะถุกปิดเป็น ถนนคนเดิน สินค้ามากมายวางเรียงรายรอนักท่องเที่ยวซื้อ ส่วนมากจะซ้ำๆ กัน เหมือนถูกผลิตมาจากที่เดียวกัน ต่างกันก็แค่คนขาย การดึงผู้ซื้อด้วยการนั่งวาด นั่งถัก นั่งเย็บ เป็นสิ่งหนึ่งที่ผมเห้น และได้ผลทุกคนจะมีความสุขเมื่อรู้ว่าเป้นงานฝีมือ ไม่ได้เกิดจาการปั้มออกมาจากเครื่องจักรเมืองจีนที่ราคาแสนจะถูก ผมเดินดูจนหมด วนไปวนมา สังเกตเห็นแม่ค้าเกือบทุกคนกินอะไรบางอย่างเคี้ยวหมับๆ ตลอด ถามได้ความว่า เป็นลุกเดือยอร่อยดี พร้อมกับยื่นมาให้ผมลองกินดู อาหารที่นี่หากินง่ายมาก มีทุกมุม ทุกที่ ราคาไม่แพงมาก ผมกับแฟนสนุกกับการกิน การเที่ยวทั้งวัน สบายดีหลวงพระบาง ผมพูดในใจก่อนชวนแฟนกลับห้องพัก เพราะเป็นเวลา 3 ทุ่มกว่าๆ แล้ว
คืนนี้เป็นคืนที่สองแล้วนะ สำหรับเมืองหลวงพระบาง ผมพุดในใจก่อนมองไปที่แฟนซึ่งนอนอยู่ข้างๆ หลับง่ายอีกแล้ว ผมนอนดึกเลยหลับช้า กว่าจะหลับได้ก็ตีหนึ่งตีสอง ก่อนนอนเราคุยกันว่าจะตื่นแต่ตีห้าไปรอใส่บาตรหน้าวัดธาตุหลวงปากซอยใกล้ๆ และรีบเดินทางกลับเวียงจันทร์ เพราะผมเจอพี่คนไทยที่ไปๆ มาๆ หลวงพระบาง บนยอดดอยพระธาตุภูสี แนะนำให้เราเดินทางตอนกลางวันจะดีกว่า โดยไม่บอกเหตุผลใดๆ (ตอนแรกเราว่าจะกลับกลางคืน ถึงเวียงจันทร์ตอนเช้า) เราเห็นด้วยเพราะอยากดูธรรมชาติข้างทาง ที่เต้มไปด้วยหุบเหว ภูเขา เส้นทางที่คดเคี้ยว โค้งที่หักมุม คงสนุกและตื่นเต้นมากกว่าเดินทางกลางคืน
ปืนสงครามร้ายแรง
ผมงง ทำไมไม่มีคนบอกว่า เขาจะขึ้นรถมากับเรา มาคุ้มกัน มารักษาความปลอดภัย ผมคิดไปต่างๆ นาๆ ก่อนย้ายที่นั่งให้มาอยู่ด้านหลังของเขาหนึ่งช่วงเบาะนั่ง เผื่อเขาคิดจะทำอะไรผมจะได้เห็นและเฝ้ามองดูเขา เขารู้สึกแปลกใจที่ผมเปลี่ยนที่นั่ง ผมทำเป็นไม่สนใจมองดูธรรมชาติและถ่ายรูปไปเป็นระยะๆ เมือรถจอดเขาลงไปยืนปัสสาวะ ผมเลยถ่ายภาพเขาได้หนึ่งภาพ จากระยะทางไกลแสนไกล ผมเฝ้ามองดูเขาตลอด คิดว่าหากมีการปล้นผมจะกระโดดกอดคอเขากดลงซอกเบาะและหักคอทันที ยังไงคงไม่เหนือบ่ากว่าแรงผม (บ้าไปละ) รถวิ่งมานานถึงจุดแวะทานอาหาร ทุกคนลงรถทั้งหมดต่างแยกย้ายกันไปนั่งกินข้าว ผมสังเกตุเห้นเขาเดินไปหาคนขับรถและเด็กรถ ผมโล่งใจที่รู้ว่าเขามาด้วยกัน น่าจะเป็นผู้รักษาความปลอดภัยให้เรา ผมลดความกังวลลง คิดว่าน่าจะหมดปัญหาเรื่องปล้นไป
ถึงเวียงจันทร์ประมาณทุ่มกว่าๆ เรานั่งสามล้อเครื่องไปโรงแรมเดิม ก่อนออกมาเดินเล่นแถวประตูชัยนั่งกินข้าวกินปลาและเดินไปเที่ยวพระธาตุหลวงอีกครั้ง บรรยากาศเย็นสบาย เบียร์ลาวเย็นฉ่ำชุ่มคอดีจริงๆ พรุ่งนี้เช้าเราก็จะกลับเมืองไทยแล้ว แผ่นดินแม่ของเรา คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่เมืองลาว เราจึงกินอิ่มมากเป็นพิเศษ เที่ยวนานแล้วเราจึงกลับโรงแรมก่อนอาบน้ำนอนดูทีวี ผมไม่ลืมที่จะหยิบเบียร์ลาวจากตู้เย็นมาดื่มอย่างสบายอารมณ์ ทีวีจอใหญ่รับสัญาณจากเมืองไทยเป็นส่วนใหญ่ วันนี้ผมรู้สึกสบายๆ มากกว่าที่หลวงพระบาง 250 / 600 / 800 บาท ช่างแตกต่างกันจริงๆ หากความสะดวกสบายเป็นสิ่งที่มนุษย์ต้องการ ผมและแฟนก็ต้องการเช่นกัน เงินสามารถซื้อความสุขให้เราได้ เงินสามารถทำให้เราตกอยู่ในอันตรายได้เช่นกัน ผมคิดจะหาเงินไว้เที่ยวอีกหลายๆ ประเทศ ชีวิตนี้เป็นของเราใช่ของใคร คืนนี้ผมและแฟนคงหลับสบายจนเช้า
กลับมาถึงบ้านเมืองไทย
ผมรีบหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต เห็นข่าว สหรัฐเตือนพลเมืองห้ามเดินทางเข้าประเทศลาวเพราะมีการสู้รบกันทางตอนเหนือจากกองกำลังไม่ทราบฝ่าย นายตำรวจท่านหนึ่งกับเพื่อนๆ โดนขโขมยโทรศัพท์ ............ ผมถึงคิดได้ว่าเราควรจะหาข้อมูลทั้งดีและไม่ดีก่อนการเดินทาง ไม่ว่าเราจะไปเที่ยวที่ไหนก็ตาม หลังจากนั้นอีกไม่นาน อาจารย์ช่างศิลปท่านนั้นก็โทรมา บอกว่ามีคนพกปืนขึ้นรถทัวร์เหมือนกัน หลายคนด้วยไม่ใช่คนเดียว ตามทางจะมีทหารพกปืนคอยเรียกรถทัวร์ให้จอดอยู่บ่อยๆ ถามได้ความว่าเป็นพวกทหารป่า อาจารย์และครอบครัวเพื่อนอาจารย์ (สามีภรรยาและลูกสาว 9 ขวบหนึ่งคน) ก็กลับมาเมืองไทยโดยสวัสดิภาพ อาจารย์บอกว่าไม่ไปอีกแล้ว 3 ครั้งพอแล้ว ตายมาไม่คุ้ม เราก็แค่คนอพพยพ เพราะไม่ได้ไปกับทัวร์
เที่ยวลาว สบายๆ ไม่มีอันตรายหรอก
ใครกันที่บอกผม อาจารย์ไม่ใช่หรือครับ ผมคิดอยู่ในใจ ก่อนวางสายโทรศัพท์ ปีใหม่อาจารย์ชวนไปเที่ยวลาวใต้ ผมยังไม่ได้รับปาก เพราะต้องศึกษาก่อนเดินทาง ไม่พลาดแบบหนนี้อีกแล้ว ดีใจที่กลับมาโดยปลอดภัยทั้งผมและแฟน
โลกมนุษย์นั้นกว้างใหญ่ไพศาล การเลือกใช้ชีวิตของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน การเที่ยวย่อมมีค่าใช้จ่าย มากบ้างน้อยบ้างตามแต่เส้นทางประเทศ หากเก็บเงินไว้ไม่เที่ยวก็จะมีเงินเหลือ หากเที่ยวเงินก็อาจหมด แต่สิ่งที่ไม่หมด คือ สิ่งที่เราได้เห็น ได้รู้ ได้ไปเอง ดังสำนวนที่ว่า
สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่ามือคลำ
ชีวิตนี้มีชีวิตเดียวต่างกันแต่ คุณจะทำอย่างไรกับชีวิตๆ เดียวของคุณ โดยที่คนอื่นไม่เดือดร้อน
สบายดีหลวงพระบาง
ข่าวน่าสนใจ
3 คนไทยถูกสปป.ลาวจับกรณีถ่ายภาพความมั่นคง
มุกดาหาร-เตือนคนไทยขับรถไปเที่ยวลาวระวังอย่าให้เกิดอุบัติหตุ
รู้ไว้ใช่ว่าบอร์ดพันทิพย์
ส่งหน้านี้ให้เพื่อน
08-11-2012
Views : 6697
หมวด
คุยกับ เว็บมาสเตอร์ : 16 หัวข้อ
12-05-2006
Web Diretory
12-05-2006
แนะนำการสร้างเว็บไซต์
12-05-2006
Natural Search Engine Optimization (SEO)
13-05-2006
คุยกับ เว็บมาสเตอร์ (๑)
14-05-2006
Search engine ทำงานอย่างไร
14-05-2006
Google Guidelines Webmaster Guidelines
14-05-2006
อาชีพใหม่ของคนไอที
14-05-2006
การสร้างแบรนด์ ผ่านสื่ออินเตอร์เน็ท
04-06-2006
Case Study : การชำระเงินด้วย PayPay
04-06-2006
การชำระเงินด้วยระบบ PayPal
25-11-2009
เมือเว็บ.. เที่ยวรัสเซีย .. โดนเจาะแล้วเจาะอีก..... !!!!
25-11-2009
ระวังกลโกงของพวก รับจดโดเมนและเช่าโฮสต์
14-07-2010
กล้อง LOMO
10-11-2010
เมื่อข้าพเจ้า ถูกไล่ที่นั่ง บนเครื่องบิน
02-06-2012
คำถามที่ ตอบบ่อย
08-11-2012
ตามใจ... ไปหลวงพระบาง
๏ปฟ
เวลาท้องถิ่น
กรุงเทพฯ
มอสโก
ลอนดอน
โรม
ฮ่องกง
โตเกียว
ซิดนีย์
ฟิจิ
ฮาวาย
ซานฟรานซิสโก
นิวยอร์ค
3.238.82.77 = UNITED STATES Tuesday 08th October 2024
ส่งหน้านี้ให้เพื่อน
น่าสนใจก่อนไปรัสเซีย
-
พระเจ้าปีเตอร์ที่ 1 มหาราช
-
ค้นหาคำสาปแห่งราชวงศ์โรมานอฟ
-
พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2
-
ราชวงค์โรมานอฟ
-
จักรพรรดินี แคทเธอรีนที่ 2 มหาราช
-
พระบรมราชินีนาถ เสด็จเยือนรัสเซีย
-
ความสัมพันธ์ไทย - รัสเซีย
อยากให้อ่าน
-
กรุงมอสโก
-
นครเซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์ก
-
เมืองเขตโกล์เด้นริง
-
รถไฟทรานส์ไซบีเรีย
-
เมืองวลาดิเมียร์
-
เมืองซากอร์ส
-
ตุ๊กตาแม่ลูกดก
ชอบอ่านกันมาก
-
สถาปัตยกรรมของรัสเซีย ที่เราควรรู้จัก
-
ชิ้นส่วนอวัยวะเพศของรัสปูติน
-
แฟเบร์เช่ (Faberge) งานศิลป์ สุดอลังการ
-
รายพระนามสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งรัสเซีย
-
จักรพรรดินีนาถแคทเธอรีนที่ 2 มหาราช
-
Trans-Siberian Railway
-
วิหารภายในพระราชวังเครมลิน
เรื่องน่ารู้
-
ว้อดก้ารัสเซีย
-
เพชรรัสเซีย
-
รัสเซียนออร์โทดอกซ์ ที่กรุงเทพฯ
-
ดู RT TV online (eng)
-
ปีเตอร์ คาร์ล ฟาแบร์เช
-
เชชเนีย
-
ชาวเกย์ที่รัสเซีย
มิตรภาพสองแผ่นดิน
-
สายสัมพันธ์สองแผ่นดิน
-
พระพุทธเจ้าหลวงเสด็จเยือนรัสเซีย
-
เจ้าฟ้าจักรพงษภูวนารถ
-
พระพี่นางเสด็จเยือนรัสเซีย
-
สมเด็จพระเทพ เสด็จเยือนรัสเซีย
-
สมเด็จพระราชินี เสด็จเยือนรัสเซีย
-
เจ้าฟ้าหญิงเสด็จเยือนรัสเซีย
เครือรัฐเอกราช 12 ประเทศ
อาร์เมเนีย (Armenia)
พศ. 2534
อาร์เซอร์ไบจาน (Azerbaijan)
พศ. 2536
เบลารุส (Belarus)
พศ. 2534
จอร์เจีย (Georgia)
พศ. 2536-2551
คาซัคสถาน (Kazakhstan)
พศ. 2534
คีร์กิซสถาน (Kyrgyzstan)
พศ. 2534
มอลโดวา (Moldova)
พศ. 2534
รัสเซีย (Russia)
พศ. 2534
ทาจิกิสถาน (Tajikistan)
พศ. 2534
เติร์กเมนิสถาน (Turkmenistan)
พศ. 2548
ยูเครน (Ukraine)
พศ. 2534
อุซเบกิสถาน (Uzbekistan)
พศ. 2534
อาร์ตนานา สตูดิโอ และ เดอะ ไดโนเสาร์ อาร์ต แกลเลอรี่
บ้านเลขที่ 9, 48 หมู่ 12 บ้านหนองซำ ต.น้ำอ้อม อ.ค้อวัง จ.ยโสธร 35160
https://www.artnana.com