ผู้ปกครองอาณาจักรมัสโกวี่ (พ.ศ. 2005-2048) ถึงปี พ.ศ. 2023
กองกำลังของพระเจ้าอีวานที่ 3 และกองกำลังของมองโกลภายใต้การนำของข่านอาห์เมด (Ahmed) ได้มาเผชิญกันที่แม่น้ำอัครา (Ugra) ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอาณาจักรมัสโกวี ฝ่ายมองโกลคาดหวังความช่วยเหลือจากกองกำลังของอาณาจักรลิทัวเนีย แต่ก็ผิดหวัง จึงต้องล่าถอยไป พระเจ้าอีวานเองก็ทรงมิได้ติดตามโจมตีกองทัพมองดกล ทรงถอนกองกำลังทหารจากฝั่งแม่น้ำอัคราและกลับไปยังมอสโก
ต่อมาทางมองโกลเกิดการแตกแยกออกเป็น 2 ฝ่าย ด้วยกัน คือ พวกแรกอยู่ภายใต้การนำของข่านอาห์เมด พวกที่ 2 อยู่ภายใต้การนำของข่าน อัสตราข่าน มองโกลจึงอ่อนแอไม่สามารถกลับมารุกรานและมีอำนาจในรัสเซียได้อีก
พระเจ้าอีวานที่ 3 ทรงอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงโซฟาลี โอโลกัส (Zoepalae Ologus) ชาวรัสเซียเรียกว่า "โซเฟีย" พระราชนัดดาของจักรพรรดิองค์สุดท้ายแห่งไบแซนไทน์ ในปี พ.ศ. 2015 พร้อมประกาศพระองค์เป็นผู้สืบทอดศาสนานิกายกรีกออร์โทดอกซ์มายังกรุงมอสโก โดยยอมรับกันว่า มอสโกเป็นโรมแห่งที่ 3
นอกจากนี้พระองค์ทรงนำเอาระบบ " ซีซาร์ " (Caesar opopism) เข้ามาใช้โดยเลื่อนฐานะตำแหน่ง " Grand Duchy " มาดำรงค์ตำแหน่ง " ซีซาร์ " (Ceasar) ซึ่งเป็นตำแหน่งบริหารมาตั้งแต่จักวรรดิโรมันจนถึงจักวรรดิไบแซนไทน์ หรือระบอบอัตราธิปไตยนั่นเอง เมื่อนำมาใช้ในอาณาจักรมัสโกวี ได้เรียกตำแหน่งสั้นๆ นี้ว่า " ซาร์ " (Tsar) ในทางศาสนาถือว่า ซาร์ มีรูปเหมือนมนุษย์ธรรมดา แต่มีอำนาจเปรียบเหมือนพระเจ้าสูงสุด ดำรงตำแหน่งจอมทัพ
เพราะฉะนั้น พระเจ้าอีวานที่ 3 จึงทรงเป็น ซาร์ พระองค์แรก ทรงขยายพระราชอำนาจการปกครองดินแดนที่กว้างใหญ่กว่าเดิมถึง 3 เท่า ทรงรวมเอาสาธาระณรัฐนอฟโกรอดเข้าไว้กับมอสโก ทรงใช้ตราประจำพระองค์เป็นรูปอินทรีย์ 2 หัว ซึ่งเป็นสัญญลักษณ์ของจักรพรรดิไบแซนไทน์ที่ทรงเคยใช้มาก่อน
อาณาจักรมอสโกวี มี ซาร์ เป็นเสาหลักของสังคมรัสเซียเพียงเสาเดียว เพื่อสร้างสังคมให้เป็นรัฐทหารที่มีระบบข้าราชการที่เข้มแข็ง เพื่อรับใช้ ซาร์ และป้องกันไม่ให้มองโกลกับมามีอำนาจอีกครั้ง รวมทั้งเพื่อรวบรวมชนเผ่าสลาฟตะวันออก ให้เป็นปึกแผ่น ทำให้พระองค์ต้องทำสงครามขยายดินแดนออกไปเสมอ ตลอดจนรัชกาลของพระองค์และพระโอรสด้วย
ทรงได้รับการยกย่องขนานพระนามต่อท้ายว่า " มหาราช " (พระเจ้าอีวานมหาราช / Ivan the Great) |