| เนิ้อหานี้อยู่ในหมวด : รัสเซีย : สงครามต่างๆ
เมื่อเยอรมันบุกรัสเซีย (สงครามโลกครั้งที่ 2) |
ฮิตเลอร์มีรูปแบบการแต่งเครื่องแบบที่แตกต่างจากจอมเผด็จการอื่นๆ นั่นคือ เขาไม่นิยมติดเหรียญตรามากมาย เหรียญตราที่เขาติดมีอยู่อย่างเดียว คือ เหรียญกล้าหาญกางเขนเหล็ก (Iron Cross) ซึ่งเขาได้รับจากการรบในสงครามโลกครั้งที่ 1 เป็นเหรียญตราที่ได้มาด้วยความกล้าหาญ
22 มิถุนายน ปี1941 ฮิตเลอร์ประกาศว่า จะทำการโจมตีรัสเซียเพื่อกำจัดกลุ่มผู้ทรงอำนาจในรัสเซียให้หมดสิ้นไป อนาคตของเยอรมันอยู่ที่การปฏิบัติการครั้งนี้
ถึง แม้ว่าเยอรมันกับรัสเซียจะทำสนธิสัญญาไม่รุกรานกันก็ตาม แต่ก็เป็นเพียงกระดาษทิชชู่เท่านั้น จะฉีกเสียเมื่อไหรก็ได้ อีกทั้งเยอรมันก็พิชิตยุโรปตะวันตกสำเร็จและพร้อมขย้ำคอรัสเซียนานแล้ว
แต่ ทว่า ในปี1940ก่อนการตัดสินใจโจมตีรัสเซียนั้น ฮิตเลอร์ได้ยับยั้งชั่งใจอยู่นาน เนื่องจากมีแผนการในการทำสงคราม3ประการ ประการแรก ทำลายจักรวรรดิอังกฤษให้สิ้นซาก ประการสอง ยาตราทัพบุกยึดประเทศแถบเมดิเตอร์เรเนียน เพื่อรุกเข้าตะวันออกกลาง ประการสุดท้าย เปิดศึกเต็มรูปแบบกับรัสเซีย
หลัง จากการสร้างครามเสียหายกับอังกฤษในการรุกทางอากาศแล้ว ฮิตเลอร์ จึงสั่งให้โจมตีรัสเซีย และกำหนดแผนการ ในชื่อ "ยุทธการ บาบาร์รอสซ่า " ( Operation Babarossa ) ตามชื่อจักรพรรดิเยอรมันในยุคกลาง เดิมแผนนี้จะเริ่มในเดือนพฤษภาคม ปี1941 แต่กลับล่าช้าไปถึงวันที่22 มิถุนายน เนื่องจากการเสียเวลาในการปราบปรามคาบสมุทรบอลข่าน
อีก ทั้งถ้ามีการเปรียบเทียบกำลังในแนวพรมแดนระหว่างเขตยึดครองของเยอรมันกับ โซเวียตแล้ว กำลังของเยอรมันและกลุ่มชาติอักษะนั้นเหนือกว่ามาก กองทัพเยอรมันและกลุ่มชาติอักษะมีกำลังพลตามแนวพรมแดนตั้งแต่2,800,000 ถึง3,600,000คน ด้านโซเวียต เชื่อว่ามีกำลังพล2,000,000นาย เยอรมันมีรถถัง3,350คัน มากกว่าช่วงการบุกฝรั่งเศส600คัน รัสเซียมี25,000คัน แต่ส่วนมากเป็นแบบล้าสมัย เยอรมันมีเครื่องบิน3,000ลำ รัสเซียมีมากกว่า2เท่า แต่ทั้งหมดล้วนแต่ล้าสมัย
ด้านรัสเซีย แม้จะมีข่าวการบุกของเยอรมัน แต่สตาลิน ก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก และกล่าวว่า เป็นแผนสร้างความร้าวฉานให้กับทั้งสองชาติ
เวลา03.15น. วันที่22 มิถุนายน 1941 กองทัพขนาดมหึมาของเยอรมัน กำลังพลกว่า3,200,000นาย อันประกอบด้วย กองพลทหารราบ 102 กองพล กองพลรถถัง 19 กองพล กองพลเคลื่อนที่เร็ว14กองพล กองพลพิเศษ(ไม่ใช่หน่วยรบพิเศษ ) 5กองพล กองพลทหารม้า1กองพล แบ่งเป็น3กลุ่มกองทัพ เปิดฉากบุกแบบสายฟ้าแลบทั้งสามด้านเข้าสู่รัสเซีย โดยแบ่งเป็น3ทัพดังนี้
1. กลุ่มกองทัพภาคเหนือ( Army Group Nort ) ในการบรรชาการของ จอมพล วิลเฮล์ม ฟอน ลีป บุกจากชายฝั่งทะเลบอลติกเข้าสู่นครเลนินกราด เมืองเอกทางภาคเหนือ และสมทบกับกองทัพฟินแลนด์
2. กลุ่มกองทัพภาคกลาง ( Army Group Centre ) บรรชาการโดย จอมพล ฟีดอร์ ฟอน บอค บุกเข้าสู่กรุมมอสโคว์ เมืองหลวงของรัสเซีย
3. กลุ่มกองทัพภาคใต้ ( Army Group South ) บรรชาการโดย จอมพล เกิร์ด ฟอน รุสเต็ท นำทัพบุกจากภาคตะวันออกของโปแลนด์เข้าสู่ภาคใต้ของรัสเซีย เข้าสู่แคว้นยูเครน คาบสมุทรไครเมีย มีจุดหมายที่นครสตาลินกราด เมืองเอกทางภาคใต้ และบ่อน้ำมันที่คอเคซัส
ขณะ ที่กองทัพรัสเซีย มีกำลังตั้งรับ2,600,000นาย คิดเป็นกองพลทหารราบ 154 กองพล กองพลทหารม้า 25 กองพล กองพลยานยนต์ 37กองพล แม้จะมีกำลังมากก็ตาม แต่ก็ด้อยกว่าทัพเยอรมันในเรื่องประสิทธิภาพของอาวุธ แผนการ การฝึก และขวัญกำลังใจ
กาบุกรัสเซียนั้น เป็นการบุกแบบสายฟ้าแลบ ทำให้สามารถตัดกำลังทัพรัสเซียได้พินาศย่อยยับได้อย่างรวดเร็ว และยังทำลายขวัญของทหารอีกด้วย ช่วงต้นของการบุก สามารถจับเชลยได้ถึง400,000คนยึดและทำลายยานยนต์ ปืนใหญ่ และอากาศยานอีกจำนวนมากฮิตเลอร์คาดว่าจะพิชิตรัสเซียได้ในเวลา2เดือน แต่เนื่องจากฝ่ายเสนาธิการของเยอรมันไม่ได้คำนึงถึงพื้นที่อันกว้างใหญ่ของ รัสเซีย และการเปิดฉากบุกที่ล่าช้าไปถึงสองเดือน ทำให้เยอรมัน ต้องทำสงครามท่ามกลางฤดูหนาวอันโหดร้ายในดินแดนรัสเซีย ซึ่งเยอรมันไม่ได้เตรียมอุปกรณ์สำหรับรบในฤดูหนาวเลย และฝ่ายรัสเซีย ยังทำการย้ายโรงงานอุตสาหกรรมจากแนวหน้าไปยังเทือกเขาอูราล เยอรมันไม่มีเครื่องบินทิ้งระเบิดที่สามารถบินไปทิ้งระเบิดถึงอูราลได้ ทำให้รัสเซียสามารถพื้นฟูความเสียหายทางวัตถุได้อย่างรวดเร็ว
ที่ แยที่สุดสำหรับฝ่ายเยอรมันคือ การรบช่วงต่อมา ฮิตเลอร์ ได้เข้ามากุมบังเหียนบรรชาการรบเอง ถึงฮิตเลอร์จะเคยเป็นทหารในสงครามโลกครั้งที่1 แต่ก็เป็นแค่ยศจ่าเท่านั้น ไม่เคยบรรชาการกองทัพขนาดใหญ่มาก่อน ทำให้การบรรชาการรบเป็นแบบเฉพาะหน้า ไม่ได้คิดถึงสภาพโดยรวมความสำคัญทางยุทธศาสตร์ ทำให้กองทัพเยอรมันต้องประสบความพินาศหลายครั้งในช่วงหลังของการรบ
เชลย ศึกรัสเซียขณะถูกควบคุมตัวโดยทหารเยอรมัน โดยในการรบที่เมืองมินสค์ และ สโมค์เลนส์ มีทหารรัสเซียถูกจับเป็นเชลยถึง400,000คน โดยทั้งหมดจะถูกส่งไปเข้าค่ายกับเชลยอันโหดเหี้ยมและถูกใช้เป็นแรงงานทาส ทำให้เชลยจำนวนมากต้องเสียชีวิตลง |
|