| เนิ้อหานี้อยู่ในหมวด : รัสเซีย : สงครามต่างๆ
สงคราม คาบสมุทรบอลข่าน | คาบสมุทรบอลข่าน (Balkan) ประกอบด้วยหลายประเทศ เช่น บอสเนีย (Bosnia), โครเอเชีย (Croatia), เซอร์เบีย (Serbia),หรือพวกซาราเจโว (Sarajevo) เมื่อทศวรรษที่ผ่านมา (ค.ศ.1990-2000) มีเหตุการณ์ความวุ่นวายเกิดขึ้น ณ ดินแดนแถบนี้
คาบสมุทรบอลข่านคือดินแดนที่ตั้งของประเทศยุโรปตะวันออกตอนล่าง ถัดจากอิตาลี่ไปจะมีดินแดนระหว่างทะเลอะเดรียติกกับทะเลดำ ทางออกทะเลทางใต้ของรัสเซีย
ดินแดนแถบนี้เป็นชนวนของสงครามโลกครั้งที่ 1 และเป็นต้นกำเนิดของคำว่า การก่อการร้าย (terrorism) ที่ทั่วโลกหวาดกลัว
สมัยโรมันเรืองอำนาจ ในปี คศ.100 คาบสมุทรบอลข่านถูกครอบครองโดยอาณาจักรโรมันอันยิ่งใหญ่ เมื่อโรมันล่มสลายพวก slave ทางเหนือก็เริ่มอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐาน แต่ตอนหลังพวกนี้มาทะเลาะและฆ่ากันเอง แต่ถ้าเรื่องศาสนาแล้วเริ่มมีการแบ่งแยกชัดเจน คือพวกอยู่ใต้อิทธิพลโรมันเก่าคือ slovénie, croatie และ bosnie จะนับถือคริสต์คาทอลิก ส่วน พวก serbie ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของคาบสมุทร จะประกาศตัวเป็นนิกายกรีกออกโทดอกซ์
ต่อมาเมื่อประมาณศตวรรษที่ 13-14 พวก Turque (ตุรกี) ยกพลมาบุกคาบสมุทรแถบนี้ ยึดพวก Bosnie ทางตะวันตกของคาบสมุทรบอลข่านไปได้อย่างง่ายดาย ส่วนพวก Serbie ทางตะวันออกของคาบสมุทรบอลข่านทำสงครามกับพวกเตอร์ก ในที่สุดก็สู้ไม่ไหว ต้องพ่ายแพ้ไปเมื่อ ปี 1389 และพวกเตอร์หรือออตโตมันสามารถครอบครองพื้นที่เกือบทั้งหมดของคาบสมุทรนี้
อิทธิพลของอิสลามเลยแผ่ขยายเข้ามาในคาบสมุทรบอลข่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกิดกระบวนการ Islamisation (คนเปลี่ยนมานับถืออิสลาม) ในกลุ่มชาว Bosnie
Turque มีอิทธิพลอยู่แถบนี้นานหลายศตวรรษจนกระทั่งศตวรรษที่ 17 เริ่มอ่อนแรง อาณาจักร Autriche-hongrie (สองประสานออสเตรียกับฮังการี) ก็เข้ามายึดดินแดนแทนที่Turque ที่เคยยึดไว้ โดยผลของการนี้ Serbie ก็กลายเป็นเอกราชเมื่อปี 1878 ในส่วนของ Serbie หลังได้เอกราชก็เลยหันไปพึ่งบารมีรัสเซีย Serbie จึงเป็นเอกราชอยู่เพียงประเทศเดียว เพราะมีรัสเซียหนุนหลังอยู่
สำหรับ ฝรั่งเศสก็เข้ามาเกี่ยวข้องในคาบสมุทรนี้เหมือนกัน กล่าวคือสมัยนโปเลียนในปี คศ. 1806-1814 ได้เข้ามายึดเขต Croatie และ Slovénie แต่อยู่ได้ไม่นาน เมื่อจักรพรรดิ์นโปเลียนแพ้สงครามที่ waterloo ดินแดนที่เคยยึดได้ก็ตกกลับไปเป็นของ Autriche-hongrie อีกสมัยหนึ่ง
ในปี ค.ศ. 1878 Serbie เป็นเอกราชใต้บารมีของรัสเซีย ส่วน Bosnie เป็นของอาณาจักร Autriche-hongrie
หลังสิ้นสุดศตวรรษที่ 19 ในต้นศตวรรษที่ 20 นั้นมีเหตุการณ์สำคัญของโลกคือ สงครามโลกครั้งที่1 และดินแดนแถบนี้เองเป็นชนวนของสงครามครั้งนี้ ชนวนของสงครามคือเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 1914 ราชวงศ์ Autriche คนหนึ่งชื่อ Larchiduc François-Ferdinand มาเยือนกรุง Sarajevo นครหลวงของ Bosnie (สมัยนั้น Bosnie อยู่ใต้อิทธิพล Autriche) ท่านถูกลอบสังหารที่ Sarajevo ออสเตรียตอนนั้นเป็นพันธมิตรกับเยอรมัน และกล่าวโทษว่า Serbie (ภายใต้บารมีของรัสเซีย) เป็นคนทำ, serbie อ้างว่าไม่ และไปแจ้งให้รัสเซียทราบว่าถูกออสเตรียรังแก ดังนั้นออสเตรียกับพันธมิตรเยอรมันก็เลยประกาศสงครามกับฝ่ายรัสเซียซึ่งมีอังกฤษและฝรั่งเศสเป็นพวก สงครามโลกครั้งที่หนึ่งจึงเกิดขึ้น
ผลของสงครามโลกนั้น อิทธิพลของอาณาจักร ออสเตรีย-ฮังการี ในดินแดนบอลข่านก็เสื่อมลง ชาว slave ในคาบสมุทรนี้ก็เริ่มรวมตัวกันได้ โดยการนำของ Serbie (ผู้ฝักใฝ่รัสเซีย) ในฐานะผู้ชนะสงคราม การรวมอาณาจักรครั้งนี้มีขึ้นเมื่อปี 1978 โดยใช้ชื่อว่า Royaume des Serbe, des Croate Slovène ดินแดนของ Bosnie ก็ถูกผนวกเข้าไปในอาณาจักรที่ตั้งขึ้นใหม่ด้วย..
รวมกันดีๆ ก็ทะเลาะกันอีกแล้ว เหตุแห่งการทะเลาะคือพวก Croatie และ slovène ต้องการการปกครองแบบ Fédéral หรือ กระจายอำนาจให้แต่ละแคว้นปกครองกันเอง แต่Serbie ต้องการการปกครองแบบรวมศูนย์
ต่อมา เมื่อ 5 มกราคม 1929 Alexandre 1ประกาศระงับใช้รัฐธรรมนูญของ Royaume พร้อมกับประกาศตัวเป็น dictature (เผด็จการ) โดยใช้ชื่อประเทศใหม่ว่า Yougoslavie เป้าหมายของการนี้ก็คือจะปรามพวกชาตินิยมกลุ่มต่างๆทั้งหลายให้สงบลง ประเทศ Yougoslavie จึงเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกบนคาบสมุทรบอลข่าน แผนที่และชื่อ ยูโกสลาเวีย จึงเกิดขึ้นครั้งแรกในโลก
ช่วงที่ Alexandre ที่หนึ่งครองดินแดนอยู่นั้น คาบสมุทรบอลข่านก็สร้างเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่สำคัญให้กับชาวโลก คือเมื่อปี 1934 ณ นคร Marseille Alexandre 1 ผู้ปกครอง Yougoslavie ได้มาเยือนฝรั่งเศส มีชาว Croate คนหนึ่งลอบสังหารท่าน เหตุการณ์นี้สร้างความวิตกกังวลให้สังคมโลกสมัยนั้นอย่างมาก โดยที่ประชุมสันนิบาตชาติสมัยนั้น ได้ทำการร่างสนธิสัญญาเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการก่อการร้ายขึ้นครั้งแรกในโลก
หลังจากนั้น สงครามโลกครั้งที่ 2 ได้เกิดขึ้น ฮิตเลอร์ก็เข้ามายึดครองคาบสมุทรบอลข่านเมื่อสงครามจบลง TITO จึงเป็นผู้ที่ชาว slave เคารพเลื่อมใส และเป็นผู้นำ Yougoslavie ตั้งแต่หลังสงครามจบจนถึงปี 1980
เหตุการณ์ของคาบสมุทรบอลข่านในช่วงที่ TITO ปกครองนั้น (1945-1980) สงบเรียบร้อยดีมาก TITO สามารถยึดครองใจชนเผ่าต่างๆได้ทั้งหมด ด้านการปกครอง TITO แบ่ง Yougoslavie เป็น 6 เขต ประกอบด้วย Slovénie, Croatie, Bosnie-Herzégovine, Serbie, Monténégro และ Macédoine แต่ทุกเขตจะรวมเป็นประเทศเดียวชื่อว่า Yougoslavie (TITO ใช้ระบบกระจายอำนาจ คือให้แต่ละ république มีอำนาจปกครองตนเอง โดยให้อำนาจปกครองตนเองกับพวก Slovénie และ Croatie ซึ่งอยู่ทางเหนืออย่างมาก)
ด้านระบบการปกครอง TITO ยึดระบบคอมมิวนิสต์ แต่เป็นคอมมิวนิสต์ในแบบของ TITO คือไม่อ่อนข้อต่อโซเวียตเท่าไหร่ ไม่เหมือนประเทศยุโรปตะวันออกอื่นๆโซเวียตกล่าวหาว่า TITO เป็น พวกเบี่ยงเบน ในช่วงปี 1960-1970 รับความช่วยเหลือจากทั้งสองมหาอำนาจ คือ โซเวียต และสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ยูโกฯสมัยสงครามเย็นยังเป็นคอมมิวนิสต์ประเทศเดียวที่เปิดรับนักท่องเที่ยวยุโรปตะวันตกที่เป็นประชาธิปไตย ทำให้ภาพของยูโกฯ สมัยนั้นเป็นแหล่งท่องเที่ยวของชาวยุโรปตะวันตกได้อย่างปลอดภัย
หลังจาก TITO สิ้นไปเมื่อปี 1980 ประเทศ Yougoslavie สถานการณ์ในประเทศก็เข้าสู่วิกฤติครั้งใหญ่ ประกอบกับโซเวียตล่มสลายลง แต่ละเผ่าพันธุ์ก็แยกตัวปกครองกันเอง และ ขยายดินแดนของตัวเองให้ออกไปไกลที่สุด
พวก Serbie ซึ่งอยู่ทางตะวันออก ก็ยังอยากเป็นประเทศยูโกอยู่ จึงอ้างความเป็นยูโกทำสงครามกับพวกดินแดนต่างๆที่อยากจะแยกตัว มีการนำมาตรการ ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ จากรายงานมีการฆ่า ข่มขืน และขับไล่พวกเชื้อสาย Bosnie (ส่วนใหญ่เป็นมุสลิม)
ในที่สุด Slovénie ชนะ ได้เป็นเอกราชไปประเทศแรก
Croatie (ดินแดนทางใต้ของ Slovénie) อยาก เป็นเอกราชบ้าง เกิดสงครามนองเลือดขึ้น
UN และ EU เลยเข้ามาสงบศึก โดยส่งกองกำลัง UN เข้ามารักษาการณ์ ผลคือ ทั้งสองฝ่ายหยุดยิง และสงบศึก หลังหยุดยิง Serbie ได้ดินแดนของ Croatie ไปครอบครองถึง 1 ใน 3
ต่อมาในปี 1992 Serbie ก็มาโจมตี Bosnie (Bosnie น่าจะเรียกได้ว่าอ่อนแอสุด ไม่ค่อยมีกองกำลังและไม่ค่อยมีปากเสียง) ต้นเหตุเกิดเพราะเมื่อเมษายน 1992 สหภาพยุโรปได้ไปรับรองเอกราชของ Bosnie-Herzégovine Serbie จึงส่งกำลังโจมตี Bosnie ในปี 1992 Serbie ครอบครอง 60 % ของดินแดน Bosnie และในปี 1993 จึงครอบครองได้ 70%
ที่หนักสุดคือเมืองหลวงคือ Sarajevo ถูก Serbie ปิดล้อม ชาวเมืองถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ถูกตัดน้ำไฟ หนักสุดคือฤดูหนาว ชาวเมืองเริ่มอาหารหมด ครั้นจะออกไปนอกเมืองก็ถูกยิง
สถานการณ์เลวร้ายขึ้นเมื่อมีรายงานการกระทำอันเป็นอาชญากรสงคราม และการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ (génocide) สาเหตุจากการกระทำการรุนแรงต่อประชาชนนั้น นอกจากเรื่องการที่ Bosnie อยากแยกดินแดนและ Serbieไม่ต้องการให้แยกแล้ว คงมาจากความต่างกันทางศาสนาอีกด้วย เพราะ ชาว Bosnie เกือบ 60 % เป็นพวกอิสลาม ในขณะที่พวก Serbie เป็นคริสต์นิกายกรีกออโทดอกซ์
UN เข้ามาช่วยเหลือชาวเมือง Sarajevo ด้วยมนุษยธรรม โดยส่งขบวนคาราวาน ที่มีอาหาร น้ำ ถุงยังชีพและอุปกรณ์อื่นๆ ฝ่าด่านวงล้อมเข้าไปช่วยชาว Bosnie ใน Sarajevo การส่งความช่วยเหลือนี้ต้องมีทหาร UN เข้าคุ้มกัน การคุ้มกันก็ไม่ค่อยได้ผล เพราะพวกโจรไม่ทราบสังกัด บุกเข้ามาปล้นขบวนคาราวาน
อีกด้านหนึ่งของมาตรการ Sanction คือการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจกับ Serbie โดย UN ประกาศคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อ Serbie
นอกจากมาตรการคว่ำบาตรและส่งคาราวานไปช่วย Bosnie แล้ว เมื่อ 5 กรกฏา 1994 UN ยังเสนอแผนสันติภาพให้ทั้งสองฝ่ายสงบศึก คือ แบ่ง Bosnie เป็น 10 ส่วน ให้ Serbie ไปปกครอง 49 % และ 51 % ให้ Bosnie ปกครอง Serbie ไม่ยอมรับแผน เพราะต้องการเอาดินแดนทั้งหมด
ในที่สุดทั้งสองฝ่ายก็ตกลงกันได้และหยุดยิงเพราะมีการขู่นานัปการจาก UN และ NAT O ตั้งแต่คว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ จนกระทั่งขู่จะเอาเครื่องบินไปทิ้งระเบิดพวก Serbie
เมื่อสงบศึก ผู้รับผิดชอบในการนองเลือดประชาชนก็ถูกจับขึ้น ศาลอาญาโลก ที่กรุกเฮก
|
|